กาญจนบุรี - พายุฤดูร้อนพัดถล่มเมืองกาญจนบุรี ทำบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายกว่า 200 หลัง เบื้องต้น ปภ.รุดสำรวจความเสียหาย พร้อมให้ความช่วยเหลือ
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (30 เม.ย.) นายพิเชษฐ อ่อนตีบ อายุ 42 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 19 ต.พังตรุ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.ของวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา พายุฤดูร้อนได้โหมกระหน่ำพัดถล่มหมู่บ้านอย่างรุนแรงนานกว่า 3 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากพายุสงบพบว่า หลังคาบ้านเรือนของประชาชนปลิวหาย และตกลงมาแตกเสียหายกว่า 200 หลัง โดยเฉพาะหมู่ 19 จากการสำรวจพบเสียหาย 120 หลังคาเรือน และหมู่ 4 ซึ่งเป็นเขตติดต่อกันเสียหายประมาณ 100 หลัง
นอกจากนั้น สังกะสีมุงหลังคาบ้านได้ปลิวขึ้นไปติดกับหม้อแปลงไฟฟ้าทำให้หม้อแปลงระเบิดเป็นเหตุทำให้กระแสไฟฟ้าดับติดต่อกันนานหลายชั่วโมง ชาวบ้านต้องใช้เทียนเพื่อส่องแสงสว่างแทน และยังพบว่าศาลาประชาคมหลังใหญ่ก็ถูกระแสลมพัดจนพังถล่มลงทั้งหลังแต่ยังโชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เบื้องต้นได้รายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบแล้ว
ด้านนางทองปน ตะพัง อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119/1 หมู่ 19 ต.พังตรุฯ กล่าวว่า เวลาประมาณ 1 ทุ่ม ขณะที่ตนพร้อมกับครอบครัวกำลังนั่งดูทีวีอยู่ภายในบ้าน จู่ๆ พายุก็ได้พัดกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง โดยพายุนอกจากจะมีลม และฝนแล้ว ยังมีลูกเห็บตกลงมาใส่หลังคาบ้านอีกด้วย ซึ่งบรรยากาศนั้นเป็นไปอย่างน่ากลัว อีกทั้งไฟฟ้าก็ดับทั้งหมู่บ้านตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีพายุพัดกระหน่ำรุนแรงเช่นนี้มาก่อน ซึ่งขณะเกิดพายุตนทั้งครอบครัวต้องหลบอยู่ในมุมบ้าน เนื่องจากหลังคาบ้านนั้นปลิวหายไปหลายแผ่นทำให้พื้นบ้าน และห้องนอนเจิ่งนองไปด้วยน้ำฝน ส่วนต้นมะม่วงขนาดใหญ่ที่อยู่หลังบ้านก็หักโค่นลงโชคดีที่ไม่ล้มทับบ้าน
ทางด้าน นายไชโย ฤทธิรงค์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายประมาณ 200 หลังคาเรือน ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกพายุพัดหลังคาปลิวตกลงมาแตกโดยเฉพาะพื้นที่ หมู่ 4 หมู่ 17 และหมู่ 19
ส่วนประชากรได้รับความเดือดร้อนประมาณ 200 คน ซึ่งการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ อบต.พังตรุได้ใช้งบประมาณของท้องถิ่นจัดซื้อกระเบื้องและวัสดุต่างๆ ที่เสียหาย มาช่วยซ่อมแซมบ้านเรือนให้แก่ประชาชนแล้ว และพบว่าบางครอบครัวที่พอจะมีฐานะทางการเงินก็ได้ใช้เงินส่วนตัวเป็นค่าซ่อมแซมบ้านเรือนเอง แต่อย่างไรก็ตาม ทางจังหวัดมีงบประมาณอยู่จำนวน 50 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อนำงบประมาณที่มีอยู่มาจ่ายชดเชยให้ในภายหลัง
ทั้งนี้ ตนอยากฝากเตือนไปยังประชาชนว่า ขณะนี้อากาศนั้นแปรปรวนและร้อนเป็นอย่างมาก ซึ่งอาจจะเกิดพายุฤดูร้อนขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้น สิ่งที่ควรเฝ้าระวังก็คือให้ดูแลความแข็งแรงของบ้านเรือนให้ดี รวมทั้งต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ในบ้านก็ควรที่จะตัดทิ้ง หรือตัดกิ่งของมันออก เพื่อที่จะไม่ให้มันโค่นล้มทับบ้านเรือนของตนเองหากเกิดพายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำอีก และควรเฝ้าติดตามข่าวสารจากกรมอุตุฯ อย่างใกล้ชิดอีกทางหนึ่งด้วย