เชียงราย - จีนยังส่งเจ้าหน้าที่คุ้มกันเรือรับส่งสินค้าในลำน้ำโขงอย่างเข้มงวดเหมือนเดิม แม้จะมีกระแสข่าวว่าทางการลาวสามารถจับกุมตัว “หน่อคำ” โจรสลัดแม่น้ำโขงได้แล้ว
จากกรณีมีกระแสว่าข่าวทางการ สปป.ลาว ได้จู่โจมจับกุมตัวนายจาย หน่อคำ ผู้มีประวัติเลื่องชื่อเรื่องการเป็นหัวหน้า กองกำลังติดอาวุธลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งออกอาระวาดปล้นเรือสินค้าในเขตสี่เหลี่ยมเศรษฐกิจไทย สปป.ลาว พม่า และจีน กระทั่งล่าสุดพัวพันกับการปล้นและฆ่าลูกเรือจีน 13 ศพ เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2554 ก่อนที่เจ้าหน้าที่ไทยจะพบยาบ้ากว่า 920,000 เม็ดบนเรือของลูกเรือจีนดังกล่าวลอยลำมาติดฝั่ง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย นั้น ล่าสุดมีรายงานจากเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ตรงกันข้าม อ.เชียงของ จ.เชียงราย ว่าเหลือผู้ที่ทางการ สปป.ลาว คุมขังเอาไว้ดำเนินคดีเพียง 4 คน ชื่อ หนานคำ หนานสิง คำแปง และชาวเขาเผ่ามูเซอไม่ทราบชื่ออีก 1 คน รวมทั้งหมด 4 คน
โดยในส่วนของนายจาย หน่อคำ นั้น รายงานข่าวระบุว่าได้มีการส่งตัวไปยังนครเวียงจันทน์เมืองหลวงของ สปป.ลาว แล้ว เพื่อเจรจานำตัวส่งไปให้กับทางประเทศจีนต่อไป เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ของจีน ได้เข้าร่วมในการติดตามหาตัวนายจาย หน่อคำ มาตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะพัวพันกับคดียิงลูกเรือจีนทั้ง 13 ศพดังกล่าว รวมทั้งยังเกี่ยวข้องกับการปล้นจี้เรือสินค้าจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการส่ง เรือสินค้าของจีนแล่นในแม่น้ำโขง ตั้งแต่เขตสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ลงมาจนถึงท่าเรือ อ.เชียงแสน ของไทยอีกด้วย
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่ากระแสข่าวการจับนายจาย หน่อคำ นั้น มีเรื่องที่น่าสังเกตอย่างมากว่าไม่มีหน่วยงานใดสามารถยืนยันได้ว่ามีการจับได้จริงหรือหากจับได้จะเป็นตัวจริงหรือไม่ โดยมีเพียงการข่าวที่ได้จากการสืบสวน และพุ่งเป้าไปที่การเปิดเผยอย่างไม่เป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ชายแดนระดับสูงของพม่าและ สปป.ลาว บางคนเท่านั้น ขณะที่ทางการ สปป.ลาว ยังคงไม่มีการเปิดเผยเรื่องนี้ผ่านสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ โดยมีเพียงกระแสข่าวการจับกุมใน สปป.ลาว และเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งก่อนและหลังการจับกุม รวมทั้งกระแสข่าวการส่งตัวนายจาย หน่อคำให้กับทางการจีนที่ให้ค่าหัวสูงมากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าที่รัฐบาลไทยที่ให้ประมาณ 2 ล้านบาท หรือกระแสข่าวว่าทางการพม่าก็มีความต้องการตัวนายจาย หน่อคำ เช่นกัน
สำหรับสถานการณ์ภาพรวมที่ชายแดนไทย-สปป.ลาว และพม่า ด้าน อ.เชียงแสน ยังคงเป็นปกติโดยมีเรือสินค้าขนาดเล็กโดยเฉพาะเรือสัญชาติลาวแล่นขนสินค้าไปมา เนื่องจากระดับน้ำยังแห้ง ซึ่งเหมาะสมกับเรือสัญชาติลาวมากกว่า กระนั้นยังคงมีเรือสัญชาติจีนแล่นผ่านนานๆ ครั้ง และแม้จะมีกระแสการจับกุมนายจาย หน่อคำ ได้แล้ว แต่นอกเขตน่านน้ำไทยออกไปยังคงมีการ คุ้มกันจากกองกำลังคุ้มรักษาความสงบในแม่น้ำโขงซึ่งเกิดจากความร่วมมือ 4 ชาติ โดยทางการจีนมอบเรือตรวจการณ์ให้ สปป.ลาว และพม่า รวมทั้งจัดกองกำลังของตนดูแลเรือสินค้าอย่างเข้มงวดเช่นเดิม
ขณะที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในแม่น้ำโขง (ศปปข.) ส่วนหน้า ของไทยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือ 4 ชาติ ยังคงมีการวางกำลังดูแลตรวจตราทั้งตามริมฝั่งจากท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสน แห่งที่ 1 ซึ่งอยู่ที่ปากแม่น้ำกก บ้านสบกก ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน ไปยังสามเหลี่ยมทองคำและบางครั้งมีการจัดเรือลาดตระเวนและคุ้มกันด้วยเช่นเดียวกัน
รายงานจากสำนักงานเจ้าท่า ภูมิภาคที่ 1 ระบุว่าในปี 2554 มีเรือสินค้าในแม่น้ำโขงเข้าเทียบท่า อ.เชียงแสน จำนวน 882 ลำ และเป็นเรือเปล่าที่มารับสินค้า 3,115 ลำ รวมทั้งหมด 3,937 ลำ ส่วนปี 2555 จนถึงเดือน ก.พ.55 พบมีเรือสินค้าเข้ามาแล้วจำนวน 202 ลำ และเป็นเรือเปล่าเข้ามารับสินค้า 2,892 ลำ รวมแล้วกว่า 3,094 ลำ ทำให้มีแนวโน้มว่าแม้จะมีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นปริมาณเรือตลอดทั้งปีก็จะมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่มูลค่าการค้าปี 2554 พบมีการนำเข้ามูลค่า 1,100.12 ล้านบาท ส่งออก 8,992.65 ล้านบาท และปี 2555 ถึงเดือน ก.พ.55 มีการนำเข้า 180.08 ล้านบาท และส่งออก 4,480.40 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการค้ากับจีนและสินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าทางการเกษตร เช่น ผลไม้ เมล็ดทานตะวัน กระเทียม ฯลฯ ส่วนสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนไก่แช่แข็ง น้ำมันปาล์ม เครื่องดื่ม