พิษณุโลก -กรมควบคุมมลพิษ ลุยตรวจสอบหลุมไฟ อ.นครไทย สุดท้ายใช้แบ็กโฮขุดใต้ผืนดิน พบเศษผงถ่านมหึมาจากบ่อเตาเผาถ่านธรรมดาๆ พร้อมกองขี้เลื่อย ไม่ใช่แนวภูเขาไฟ และล้มป้ายเตือน"อันตราย"ทิ้งทันที
วันนี้ ( 28 เม.ย. 55 ) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าหลุมไฟ ม.9ต.หนองกระท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ซึ่งพบว่าประชาชนยังคงสนใจเดินทางไปดูหลุมไฟเป็นจำนวนมาก แม้ว่าเย็นวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ สำนักสิ่งแวดล้อมภาค 3 ดำเนินการปิดหลุมด้วยการเปิดหน้าดิน ทำให้ไฟที่ระอุระบายท่ามกลางผงฝุ่นถ่านและขี้เลื่อยจำนวนมาก เหตุใช้รถแบ็กโฮขุดตักและใช้น้ำดับหลุมไฟ
ล่าสุดพบน้ำอยู่ในหลุม หลังจากที่ใช้แบ็กโฮขุดไว้ คาดว่าไฟที่ไหม้คลุกกรุนอยู่ใต้ดิน จะสามารถดับไฟได้ทั้งหมด หลายคนไปดู พบว่าเป็นขี้เลื่อยและเศษก้อนถ่านที่ยังเผาไหม้ยังไม่หมด ส่วนบริเวณใต้ดินเริ่มเย็นตัวลง เหตุคืนที่ผ่านมามีฝนตกลงมาประมาณ 30-40 นาทีส่งผลให้พื้นที่หลุมไฟคลายความร้อนลง
นายอานนท์ ชมสวน ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.หนองกระท้าว กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จะทำการขุดพื้นที่เป็นร่องรอบหลุมไฟ จากนั้นจะทำการสูบน้ำเข้าไปบริเวณพื้นที่ดังกล่าวให้น้ำเข้าไปขังกลายเป็นสระน้ำ เพื่อระบายความร้อน จากนั้นก็เข้าสู่ภาวะปกติ
อนึ่ง เมื่อเย็นวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา นายมานพ บุญแจ่ม ผู้เชี่ยวชาญจากส่วนปฏิบัติการฉุกเฉิน(สารเคมี) นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชาตรี ไชยวงค์นักวิชาการสิ่งแวดล้มชำนาญการพิเศษ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 นายโนริมาซะ ชิโมมูระ อาสาสมัครญี่ปุ่น จาก JICA ได้เดินทางมายัง หลุมไฟ พร้อมนำเครื่องตรวจวัดหาก๊าซพิษ หลายชนิด เช่น Miran และเครื่องตรวจความเสี่ยงต่างๆ
วิธีการของกรมควบคุมมลพิษ ได้ใช้เครื่องมือตรวจกระทั่งตรวจพบว่า ไม่มีสารก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ ในชั้นบรรยากาศหรืออากาศปกติ แต่เมื่อใช้เครื่องมือเจาะใต้บริเวณมีความร้อนระอุอยู่ ลึกประมาณ 2 เมตรและดึงขึ้นมา และใช้เครื่อง Miran วัดค่าบริเวณปากหลุม พบว่า มีก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ สูงสุดระดับ 88 ppm
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ใช้น้ำ ลาดบริเวณหลุมไฟ จากขุดดินขึ้นมา ปรากฏว่า เครื่อง Miran อ่านค่าได้ 159-200 ppm จนเสียงเครื่องเตือน เนื่องจากมีการเผาไหม้ใต้พื้นดิน ลึกประมาณ 2 เมตร ส่วนซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ตรวจสอบไม่พบ
จากนั้นได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัยเขต 9 พิษณุโลก รถน้ำจำนวน 2 คันจากเทศบาลนครไทยและองค์การบริหารส่วนตำบลหนองกระท้าวนำฉีดพ่นน้ำบริเวณหลุมไฟ ก่อนขุดดินขึ้นมา หวังลดความร้อนและเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์หลุมไฟ
กระทั่งฉีดพ่นน้ำเข้าไปหลุมไฟบริเวณกว้าง จนกระทั่งควันไอความร้อนฟุ้งกระจาย พบเศษผงถ่านมหึมาในบ่อเตาเผาถ่านพร้อมกองขี้เลื่อยและเห็นดินในความลึกระดับ 2 เมตร ต่อมา กรมควบคุมมลพิษจึงได้สั่งรถแบ็กโฮ ขุดหลุมไฟบริเวณดังกล่าวเป็นร่องกว้างโดยรอบ เพื่อฉีดน้ำและขังเอาไว้ เพื่อลดลงความร้อนลง
นายมานพ บุญแจ่ม ผู้เชียวชาญจากส่วนปฏิบัติการฉุกเฉิน(สารเคมี) นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ กรมควบคุมมลพิษกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าว มีการเผาไหม้ลามเข้ามาก่อนหน้า แต่ช่วงหน้าฝนจึงไม่เกิดความร้อน แต่พอหน้าแล้งทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีความแห้ง จึงเกิดการลุกไหม้ติดกับขี้เลื่อยที่อยู่ผิวดินก่อนจะลามลุกติดกับเถ้าถ่านใต้ดินร้อนระอุ จนเกิดการเผาไหม้มีก๊าซพิษดังกล่าว ส่วนก๊าซพิษเกิดจากอะไรต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง
การที่จะลดปัญหาดังกล่าว ต้องเปิดช่องว่างให้ความร้อนที่ระอุอยู่ใต้ดินระบายออกมา จากนั้นใช้น้ำหล่อเลี้ยงความร้อนเอาไว้ เพื่อให้ความร้อนลดลง หากไม่มีการเผาไหม้ก๊าซพิษก็เกิดไม่ได้ จึงต้องแก้ไขไม่ให้มีการเผาไหม้ให้ได้เสียก่อน เพราะปกติเมื่อมีการเผาไหม้ก็จะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่แล้ว ต้องเปิดให้อากาศใต้พื้นดินระบายออกมาให้ได้
ทั้งนี้ เพราะสอบถามชาวบ้าน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุไฟลุกจากใต้ดิน เนื่องจากมีชาวนาที่มีพื้นที่ติดกัน ได้เผาซังตอข้าวลามมาติดพงหญ้าแห้งที่ขึ้นปกคลุมเนินขี้เลื่อย ทำให้เกิดการเผาไหม้ขี้เลื่อย เนื่องจากพื้นที่แห้งแล้งจนติดเป็นไฟลามลงไปติดเศษเถ้าถ่านที่อยู่ใต้ดินซึ่งเป็นเตาเผาถ่านเก่าจนเกิดการคุกรุนเกิดเผาไหม้ใต้ดินเป็นเวลามานานนับเดือน ก่อนที่จะมีคนไปพบและเหยียบบาดเจ็บดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานควบคุมโรคที่ 9 เก็บตัวอย่างน้ำรอบบริเวณและแหล่งน้ำใกล้เคียง ส่วนโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชนครไทยตรวจสอบพบว่า ผู้ที่มาติดรักษาตัวที่โรงพยาบาล ที่ได้รับผลกระทบ มีจำนวน 3 ราย ได้รับบาดเจ็บจากการถูกไฟลวก คือ นายชาตรี บุญฤทธิ์ เจ้าของโรงงานรีดแผ่นเหล็กที่กำลังมีการก่อสร้าง ถูกไฟลวกขาถึงเข่าทั้งสองข้าง นายละเอียด ทองสน ซึ่งเดินข้ามพื้นที่ดินหลุมไฟ ถูกไฟลวกที่เท้าเป็นแผลพุพอง และนายออม ทองสน มีบาดแผลไฟลวกที่เท้าเช่นเดียวกัน ส่วนผู้ที่ได้รับผลกระทบทางตา จมูก นั้น ไม่มี
ด้านนายสมชาติ ปรีชาศิลป์ ผู้รับเหมาแปลงที่ดินข้างๆ โรงงานรีดแผ่นเหล็ก เปิดเผยว่า หลังพบว่า มีไฟระอุ จนทำให้เจ้าของที่ดินได้รับบาดเจ็บบริเวณขาถูกส่งตัวไปจังหวัดลำปาง ก็ทำให้คนงานที่เคยทำงานอยู่ประมาณ 7-8 คน หยุดงานไป 2 วัน เพราะอ้างว่าจะได้รับอันตรายเพราะสารพิษและป้ายที่มาติดเตือนไว้ ก่อนหน้านี้ก็อ้างว่า ไฟฟ้าจากการตอกเสาเข็มไปกระทบกับหลุมไฟใต้ดิน ใต้โรงเลื่อยเก่าไปถึงปากภูเขาไฟ ผลทำให้หวาดผวาไปหมด จากเรื่องเพียงเล็กน้อยกลายเป็นข่าวดังระดับประเทศคนงานเผ่นหนีหาย ไม่สามารถทำงานได้ จนกระทั่งเหตุการณ์สงบวันนี้ โรงงานแห่งนี้ก็คงดำเนินการต่ออย่างสงบสุดท้ายกลายเป็นขี้เลื่อยใต้พื้นดินถูกเผา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่ากรมควบคุมมลพิษและสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 เดินทางมาวันนี้ เท่ากับว่า ปิดข่าวปรากฏการณ์หลุมไฟใต้ดินใน อ.นครไทย ทันที เพียงแค่ก็นำเครื่องมือตรวจวัดตรวจสอบแก๊สพิษในบรรยากาศและใต้พื้นดิน กระทั่งสุดท้ายใช้แบ็กโฮ ขุดใต้ดิน จนพบว่าเป็นเพียงแค่ บ่อเตาเผาถ่าน และพบเศษผงถ่านธรรมดา เมื่อให้ฉีดน้ำจนท่วม ทุกอย่างก็จบเข้าสู่ภาวะปกติ จากนั้นเจ้าหน้าที่คณะกรมควบคุมมลพิษ(กรุงเทพฯ)และสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 3(พิษณุโลก) ล้มเชือกกั้นและป้ายเพราะแบ็กโฮคันเดียว