คนร้ายในคราบพลเมืองดี ทำทีช่วยเหลือหญิงสาว สุดท้ายหวังขมขื่น

ศูนย์ข่าวศรีราชา - คนร้ายในคราบพลเมืองดี ทำทีเข้าช่วยเหลือหญิงสาวที่รถเสียระหว่างทาง หลังส่งแฟนหนุ่มเข้าทำงานในโรงงานเขตนิคมฯ อมตะ จังหวัดชลบุรี สุดท้ายลวงขึ้นรถหวังขมขื่น แต่หญิงสาวอาศัยทีเผลอวิ่งร้องขอความช่วยเหลือ ขณะที่คนร้ายยังหลบหนี

พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี ได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่า พบหญิงสาวนั่งร้องไห้ สภาพเปลือยกาย อยู่บริเวณริมถนนใต้ทางต่างระดับหนองข้างคอก มุ่งหน้าเข้าบางแสน พื้นที่หมู่ 3 ตำบลบ้านสวน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย ร.ต.อ.สำเริง แนวอินทร์ ร้อยเวร สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยธรรมรัศมีมณีรัตน์

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบหญิงสาวอยู่ในสภาพตื่นตกใจ นั่งร้องไห้ พูดจาวกวนและไม่สวมเสื้อผ้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำเสื้อผ้าให้ใส่ และพาไปสงบสติอารมณ์ จากการสอบถามข้อมูลทราบว่า ผู้เสียหายคือน.สอลิษา บุญเนตร อายุ 19 ปี ชาวอำเภอพิบูล จังหวัดอุบลราชธานี ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร พบเสื้อชั้นในสีดำ รองเท้าแตะ กิ๊ฟติดผม และหน้ากากหมวกกันน็อกผู้เสียหายตกอยู่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

น.สอลิษา ให้การว่าช่วงเช้าเวลาประมาณ 08.00 น..ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งแฟนเข้าทำงานที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ตำบลคลองตำหรุ อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ขากลับรถเสียจึงเข็นรถจักรยานยนต์ไปเรื่อยๆ เพื่อหาร้านซ่อม แต่ระหว่างทางได้มีชายวัยกลางคนทำทีเป็นพลเมืองดี อ้างว่าจะมาช่วยเหลือพาไปหาช่างซ่อมรถ ตนจึงซ้อนรถจักรยานยนต์ของคนร้ายยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีขาว ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ซึ่งขับมาตามทางเรื่อยๆ กระทั่งถึงที่เกิดเหตุ คนร้ายได้เลี้ยวรถเข้าป่าข้างทางแล้วลงมือใช้หมวกกันน็อกของตนเองตีตามร่างกาย

ตนจึงแกล้งสลบ และขณะที่คนร้ายเริ่มถอดเสื้อผ้า พร้อมนำแหวนทองครึ่งสลึง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย และซัมซุงอย่างละเครื่อง กระเป๋าสตางค์พร้อมเงิน 300 บาท ของตนใส่กระเป๋า ซึ่งเป็นจังหวะที่คนร้ายเผลอตนจึงรีบวิ่งออกมาริมถนนเพื่อขอความช่วยเหลือ

เบื้องต้น ผู้เสียหายปฏิเสธว่าตนไม่ได้ถูกข่มขืน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งตัวให้แพทย์ตรวจร่างกาย พร้อมประสานงานฝ่ายพิสูจน์หลักฐานมาตรวจหาข้อมูลเพื่อสืบหาคนร้ายต่อไป