ลำปาง - เกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดลำปางเร่งหุ้มหัวสับปะรดป้องกันแสงแดดแผดเผา หวั่นได้รับความเสียหาย ขณะที่อากาศที่ร้อนจัดก็ทำให้สับปะรดลำปางมีรสชาติที่หวานฉ่ำน่ารับประทานมากขึ้น
นางศริพร ช่างมณีตัง ผู้จัดการสหกรณ์ผู้ปลูกสับปะรดลำปาง จำกัด ได้นำสื่อมวลชนลงสำรวจแปลงปลูกสับปะรดของเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดในพื้นที่บ้านเสด็จ ตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเมืองลำปาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกสับปะรดมากที่สุดของจังหวัด หลังอากาศร้อนและแดดจัดตลอดทั้งวันส่งผลให้แดดเผาผลสับปะรดและลำต้นไหม้ได้รับความเสียหายไปบางส่วน ทำให้ต้องจ้างคนงานห่อหุ้มหัวสับปะรดทั้งหมดเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
นางศริพรกล่าวว่า ขณะนี้ทางเกษตรกรต้องยอมจ่ายค่าจ้างแรงงานเพื่อมัดใบสับปะรดห่อหัว เพื่อไม่ให้ถูกแดดเผา เพราะหากปล่อยไว้ก็จะได้รับความเสียหาย โดยจะต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้นอีก คือ 1,000 ต้นค่าแรงจะตกอยู่ที่ประมาณ 250-300 บาท
นางศิริพรบอกว่า การใช้ใบของสับปะรดหุ้มก็เพราะว่าหากใช้กระดาษห่อเหมือนก่อนหน้านี้สามารถกันแดดได้แต่จะอยู่ได้ประมาณ1-2 เดือน หลังจากนั้นกระดาษจะติดหัวทำให้เสียหาย หลังจากที่มีการทดลองใช้ใบของสับปะรดห่อหุ้มก็ปรากฏว่าได้ผลดี คือสับปะรดจะมีความฉ่ำและรสชาติดีกว่าเดิม อยู่ได้นาน และที่สำคัญสามารถกันลูกเห็บได้ด้วย
สำหรับอากาศที่ร้อนจัดขณะนี้มีทั้งผลดีและผลเสีย คือ ผลดี สับปะรดลำปางจะมีรสชาติที่หวานฉ่ำโดยเฉพาะผลสดพันธุ์พื้นเมือง (ปัตตาเวีย) ส่วนพันธุ์น้ำผึ้งในฤดูนี้จะฉ่ำแต่จะออกรสจืด ดังนั้นจึงขอแนะนำสำหรับผู้ที่ชื่นชอบรับประทานสับปะรดในฤดูร้อนควรเลือกซื้อแบบธรรมดาจะได้รสชาติที่อร่อยกว่า ส่วนข้อเสียคือเกษตรกรจะต้องห่อหุ้มหัวสับปะรดทั้งหมดเพื่อป้องกันแสงแดดเผา
ส่วนการจำหน่ายสับปะรดในพื้นที่ลำปาง ซึ่งมีประมาณ 20,000 ไร่ ผลผลิตต่อปีประมาณ 5-6 หมื่นตัน มีรายได้เข้าจังหวัดประมาณปีละ 100 ล้านบาท ในปีนี้เกษตรกรไม่ค่อยมีปัญหาในด้านราคาเนื่องจากผลผลิตไม่มากแต่มีคุณภาพ คือ ผลสดแบบธรรมดาจะจำหน่ายกิโลกรัมละ 4-5 บาท ส่วนพันธุ์น้ำผึ้งจำหน่ายกิโลกรัมละ 7-9 บาท