ศรีสะเกษ - ดีเอสไอลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษหาข้อมูลเพิ่มกรณียา “ซูโดอีเฟดรีน” รพ.ภูสิงห์หายไป 250,000 เม็ด เผยนายอำเภอภูสิงห์ และผู้ว่าฯ ศรีสะเกษให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนมาก
วันนี้ (24 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลภูสิงห์ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายทัชชกร อรรณพเพ็ชร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม และคณะ ได้มาพบ นพ.กิติภูมิ จุฑาสมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูสิงห์ เพื่อติดตามสอบสวนกรณีที่ยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนหายไปจากโรงพยาบาลภูสิงห์ จำนวน 250,000 เม็ด ซึ่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูสิงห์ และคณะได้นำเอกสารข้อมูลการสั่งซื้อยารวมทั้งเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาให้นายทัชชกร และคณะได้ตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
นายทัชชกร อรรณพเพ็ชร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ ดีเอสไอ กล่าวว่า ตนและคณะมาตรวจสอบหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งนี้ เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ซึ่งจากการที่ได้ไปพบ นายเกริกชัย ผ่องแผ้ว นายอำเภอภูสิงห์ และนายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ แล้วได้รับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนคดีนี้เป็นอย่างมาก
ส่วนรายละเอียดหลักฐานต่างๆ ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นการทุจริตหรือไม่อย่างไร จะต้องรอสรุปพยานหลักฐานที่ชัดเจนเสียก่อน ซึ่งตนจะได้สรุปข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ของคดีนี้รายงานอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป
วันนี้ (24 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลภูสิงห์ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายทัชชกร อรรณพเพ็ชร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม และคณะ ได้มาพบ นพ.กิติภูมิ จุฑาสมิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูสิงห์ เพื่อติดตามสอบสวนกรณีที่ยาแก้หวัดสูตรผสมซูโดอีเฟดรีนหายไปจากโรงพยาบาลภูสิงห์ จำนวน 250,000 เม็ด ซึ่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูสิงห์ และคณะได้นำเอกสารข้อมูลการสั่งซื้อยารวมทั้งเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องมาให้นายทัชชกร และคณะได้ตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
นายทัชชกร อรรณพเพ็ชร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ชำนาญการพิเศษ ดีเอสไอ กล่าวว่า ตนและคณะมาตรวจสอบหาข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม ทั้งนี้ เนื่องจากข้อมูลที่ได้รับมาก่อนหน้านี้ยังไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ซึ่งจากการที่ได้ไปพบ นายเกริกชัย ผ่องแผ้ว นายอำเภอภูสิงห์ และนายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ แล้วได้รับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนคดีนี้เป็นอย่างมาก
ส่วนรายละเอียดหลักฐานต่างๆ ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเป็นการทุจริตหรือไม่อย่างไร จะต้องรอสรุปพยานหลักฐานที่ชัดเจนเสียก่อน ซึ่งตนจะได้สรุปข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ของคดีนี้รายงานอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษต่อไป