นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าภายหลังคณะอนุกรรมการคดีพิเศษ มีมติให้รับคดีลักลอบนำยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน ออกจากระบบของโรงพยาบาล เข้าเป็นคดีพิเศษ ว่า เบื้องต้นดีเอสไอจะรับโอนคดีที่ตำรวจทำอยู่มาดำเนินการต่อ รวม 3 คดี ประกอบด้วย คดีที่โรงพยาบาลอุดรธานี โรงพยาบาลทองแสงขันธ์ และโรงพยาบาลอุตรดิตถ์ แต่ไม่ใช่เพียงเท่านั้น เนื่องจากคณะอนุกรรมการได้อนุมัติให้ดูแลในภาพรวมของเรื่องดังกล่าวทั้งประเทศด้วย
พร้อมกันนี้ จากกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้พบมีโรงพยาบาลของรัฐจำนวน 6 แห่ง ที่มีความผิดปกติ รวมไปถึงพบว่ามีแหล่งศูนย์รวมของซูโดอีเฟดรีน อยู่ที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ นั้น ดีเอสไอได้เตรียมเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุทั้ง 7 จุด ตามข้อมูลดังกล่าว พร้อมกับเตรียมเชิญพนักงานอัยการเข้ามาร่วมสอบสวนในคดีนี้ด้วย
ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น. นายธาริต จะได้เดินทางเข้าพบปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อประสานขอข้อมูลต่างๆ จากนั้นจะเข้าพบเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รวมถึงนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
พร้อมกันนี้ จากกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้พบมีโรงพยาบาลของรัฐจำนวน 6 แห่ง ที่มีความผิดปกติ รวมไปถึงพบว่ามีแหล่งศูนย์รวมของซูโดอีเฟดรีน อยู่ที่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ นั้น ดีเอสไอได้เตรียมเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุทั้ง 7 จุด ตามข้อมูลดังกล่าว พร้อมกับเตรียมเชิญพนักงานอัยการเข้ามาร่วมสอบสวนในคดีนี้ด้วย
ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น. นายธาริต จะได้เดินทางเข้าพบปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อประสานขอข้อมูลต่างๆ จากนั้นจะเข้าพบเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รวมถึงนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข