ตราด - ผบ.ฉก.นย.ตราด เผยเส้นทางลำเลียงโคเคน 3.4 กก.จากกัมพูชาสู่ไทย สั่งทหารนาวิกโยธินเข้มงวด 24 ชม. ด้าน สว.ตม.ตราด โทษสื่อทำล้มเหลว
นาวาเอกนพดล กิตติวัฒนสกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด เปิดเผยว่า หลังการจับกุมโคเคนจำนวน 3.4 กิโลกรัมที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด โดยจับน.ส.จิราภา เริงธรรม ซุกซ่อนโคเคนอยู่ในรองเท้า และอัลบัมรูปนั้น
โดยทาง น.ส.จิราภา เริงธรรม อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 289/66 หมู่ 12 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ ได้ยอมรับสารภาพถึงเส้นทางการนำโคเคน 3.4 กิโลกรัม มาจากที่พักในกรุงพนมเปญและเดินทางโดยรถยนต์เข้ามาที่ จ.เกาะกง เพื่อเข้ามาที่ประเทศไทยที่จุดผ่านแดนบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด
หากสามารถผ่านไปได้ ก็จะนำขึ้นรถโดยสารไปส่งโคเคนที่ถนนข้าวสาร กรุงเทพฯ แต่มาถูกจับเสียก่อน เพราะใบ ตม.6 ที่ใช้เป็นใบผ่านตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังแล้วพบว่า ไม่เคยเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปกัมพูชา เพราะเอกสารระบุว่า นั่งเครื่องจากสุวรรณภูมิมาพนมเปญในวันที่ 19 เมษายน และเข้ากัมพูชาวันที่ 20 เมษายน และมาตราดในวันที่ 21 เมษายน จึงได้สอบถามและมีอาการพิรุธ จึงตรวจสอบทรัพย์สินที่นำมาด้วย เช่น รองเท้า และอัลบัมรูป พบว่ามีการซุกซ่อนโคเคนมาด้วยรวมน้ำหนัก 3.4 กิโลกรัม
น.ส.จิราภา ยอมรับว่า ได้รับจากติดต่อจากชายชาวอเมริกันให้นำโคเคนไปส่งให้แก่ผู้รับที่ถนนข้าวสาร กรุงเทพฯ โดยได้รับจ้าง 300,000-400,000 บาท/ครั้ง และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ใช้ช่องทางหาดเล็ก เพราะก่อนหน้านี้เคยเข้าทางด้านอรัญประเทศเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว 18 กิโลกรัม แล้วก็ถูกจับได้ จึงเปลี่ยนเส้นทางมาเข้าทาง จ.ตราด และยังระบุว่า มีโคเคนอยู่อีก 15-20 กิโลกรัมที่รอการนำเข้ามายังประเทศไทย
นาวาเอกนพดล กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทางทหารนาวิโยธินจากหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน (บ้านหาดเล็ก) ที่ 182 ได้เข้มงวดในเรื่องสิ่งของผิดกฎหมายอยู่แล้วตลอด 24 ชม. และถือเป็นด่านแรกในการตรวจสอบ ก่อนหน้านี้ ก็จับยาบ้าได้ 500 เม็ด แต่จะให้จับได้ทุกครั้งคงเป็นไปได้ยาก นอกจากสายรายงานมาก็จะกระทำได้ง่ายขึ้น แต่กรณีของโคเคน 3.4 กิโลกรัม ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีปริมาณมากเท่าที่เคยจับได้มาก่อน
ขณะที่ พ.ต.ต.วิชิต วิจิตรหงษ์ สว.ตม.ตราด เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นครั้งใหม่และมีปริมาณมาก ผู้บังคับบัญชาต้องการขยายผลออกมาให้ได้ผู้รับซื้อ และผู้ขายโดยตรง แต่ยังไม่ทันทำอะไรข่าวก็ออกมาก่อนในตอนตี 4 ตี 5 ทั้งโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ ทำให้ไม่สามารถขยายผลจับกุมคนร้ายได้ เป็นเพราะสื่อมวลชนนำไปลงก่อนทำให้คนร้ายรู้ตัวจึงทำให้การวางแผนจับกุมขยายผลล้มเหลว ซึ่งจะมีการแถลงข่าวอีกหรือไม่นั้น ต้องรอผู้บังคับบัญชาว่าจะดำเนินการอย่างไร