xs
xsm
sm
md
lg

ตร.ภาค 5 รวบรายย่อยค้ายาบ้า 2 รายซ้อน ผบช.ภ.5 ชี้ขาดซูโดฯ ยาลดแน่ 1-2 เดือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตร.ภาค 5 โชว์ผลงานจับผู้ต้องหาคดีค้ายาบ้า 2 รายซ้อน คดีแรกรวบแก๊งค้ายา อ.แม่อาย พร้อมยึดทรัพย์หลังจับเพื่อนร่วมแก๊งได้ก่อนหน้า ส่วนคดีที่สองจับสองผัวเมียพร้อมลูกค้าหลังใช้ห้องพักขายยาเสพติด พบเพิ่งพ้นโทษ-สั่งยาผ่านคุกลำปาง ด้าน “สุเทพ” แจงมาตรการควบคุม “ซูโดอีเฟดรีน” ได้ผล คาดไม่มีสารตั้งต้นช่วง 1-2 เดือนนี้ยาบ้าลดแน่

วันนี้ (20 เม.ย.) พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมคณะ แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรวม 2 คดี พร้อมของกลางยาบ้ารวมจำนวนกว่า 27,000 เม็ด

คดีแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรอำเภอแม่อายสามารถจับกุมตัวนางสาวจิดาภา คันธะแสนยศ นายกิตติพงษ์ แสนช้าง และนายสุชาติ แสนฟู่ ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ใน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ พร้อมของกลางยาบ้าจำนวนประมาณ 24,000 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และอาวุธปืนยาวพร้อมเครื่องกระสุน

รวมทั้งยังใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 ทำการยึดรถยนต์กระบะ และบ้านเลขที่ 194/13 ม.3 ต.มะลิกา อ.มิอาย จ.เชียงใหม่ ของกลุ่มผู้ต้องหาไว้อีกด้วย

การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 รายในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมนายอนุนาท วิมูลชาติ ได้ที่ด่านตรวจนางฟ้า ม.6 ต.ทุ่งน้าว อ.สอง จ.แพร่ พร้อมของกลางยาบ้าประมาณ 10,000 เม็ด รถยนต์ โทรศัพท์มือถือ และเงินสดอีก 1,500 บาท ซึ่งจากการสืบสวนขยายผล พบว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 รายมีความเกี่ยวข้องกับนายอนุนาท จึงได้ดำเนินการจับกุมและยึดทรัพย์ดังกล่าว

ส่วนคดีที่สอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จับกุมผู้ต้องหารวม 4 ราย ประกอบด้วย นายนภัสสรณ์ หรืออั้ม แสนทอง นางปรานอม หรือกุ้ง ไชยทาน นายปองพล หรืออุ้ม ญานะ และนายบัณฑิต หรือแดง ปันทรา ได้ที่ห้องพักเลขที่ 101 หอพัก พี.เค.แมนชั่น เลขที่ 24/2 ม.2 ต.สันพระเนตร อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 3,100 เม็ด อุปกรณ์การเสพยาบ้าจำนวน 1 ชุด และอาวุธปืน 2 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน เมื่อวันที่ 19 เม.ษายนที่ผ่านมา

สำหรับการจับกุมในคดีนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่ามีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในสถานประกอบการ บ้านพัก ห้องเช่า จึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่านายนภัสสรณ์ และนางปรานอมผู้เป็นภรรยา ได้ใช้ห้องพักดังกล่าวเป็นแหล่งมั่วสุมเสพยา และเป็นสถานที่จำหน่ายยาบ้าแก่ลูกค้า

ต่อมาเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมนายนภัสสรณ์ พร้อมยาบ้าจำนวน 100 เม็ด และอาวุธปืนขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก และได้ขยายผลเข้าตรวจค้นห้องพักก่อนจะทำการยึดยาบ้าอีก 3,000 เม็ด พร้อมทั้งควบคุมตัวนางปรานอม รวมทั้งนายปองพล และนายบัณฑิตซึ่งมาซื้อยาบ้าจากนางปรานอมและร่วมกันเสพยาในห้องพักดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ทั้งนี้ จากการสืบสวนยังพบอีกว่า นายนภัสสรณ์ได้รับยาบ้ามาจากกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดซึ่งต้องโทษอยู่ในเรือนจำ จ.ลำปาง โดยนายนภัสสรณ์ก็เพิ่งจะพ้นโทษจากเรือนจำ จ.ลำปางในคดียาเสพติดมาได้เพียง 1 เดือนเศษเท่านั้น

พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กล่าวถึงการจับกุมผู้ต้องหาในคดียาเสพติดทั้ง 2 คดีว่า ถือเป็นการดำเนินการในส่วนของการลดผู้ซื้อรายย่อย ซึ่งถือเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ทำควบคู่กับการสกัดกั้นการเข้ามาของยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล โดยการลดจำนวนผู้ซื้อรายย่อยนั้นได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกแห่งในพื้นที่ออกตรวจตรา และติดตามดูพฤติกรรมของบุคคลต้องสงสัย

ทั้งนี้ จะสังเกตได้ว่าปริมาณยาเสพติดที่จับได้อาจจะมีปริมาณไม่มาก แต่กลุ่มผู้ต้องหาในลักษณะนี้จะเป็นผู้ต้องหาที่ซื้อยามาเพื่อเสพโดยตรง หรือจำหน่ายในแบบรายย่อย หากมีการกดดันจากเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่องก็จะส่งผลให้ความต้องการยาเสพติดของคนกลุ่มนี้ลดลง หรือหากผู้เสพคนใดสมัครใจที่จะเลิกใช้ยาเสพติด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็พร้อมจะประสานให้ความช่วยเหลือในการนำตัวไปบำบัดรักษาต่อไป

นอกจากนี้ พล.ต.ท.สุเทพยังได้กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบและจับกุมการลักลอบสั่งซื้อและจำหน่ายยาซูโดอีเฟดรีนด้วยว่า นับตั้งแต่เริ่มมีข้อมูลว่าสารดังกล่าวถูกนำมาเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด และได้มีการตรวจสอบจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยาที่หายไปจากโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งจนถึงขณะนี้ถือว่าสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของซูโดอีเฟดรีนได้ ส่งผลให้มีซูโดอีเฟดรีนออกไปสู่กลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดน้อยลง

จากการประเมินของเจ้าหน้าที่ตำรวจและ ป.ป.ส.คาดว่า หากกลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดไม่ได้รับซูโดอีเฟดรีนไปใช้เป็นสารตั้งต้นเพื่อผลิตยาเสพติด รวมทั้งยังไม่สามารถปรับเปลี่ยนสูตรการผลิตยาขึ้นใหม่ได้ในระยะนี้ ก็จะส่งผลให้ปริมาณยาเสพติดลดลงในช่วง 1-2 เดือนต่อจากนี้

กลุ่มผู้ผลิตยาเสพติดอาจจะหันไปหายาซูโดอีเฟดรีนจากประเทศอื่นๆ เช่น จีน หรืออินเดียแทน แต่สำหรับในประเทศไทยนั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการเพื่อควบคุมและสกัดกั้นอย่างเต็มที่ ภายใต้เป้าหมายที่จะไม่ให้มีการนำซูโดอีเฟดรีนไปใช้ในการผลิตสารตั้งต้นโดยเด็ดขาด





กำลังโหลดความคิดเห็น