ผู้ว่าฯ ลำปางย้ำดำเนินคดีเด็ดขาดลอบตัดป่าบ้านเอื้อม

ลำปาง - ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ตรวจป่าบ้านเอื้อม หลังผู้นำชุมชน และชาวบ้านช่วยกันจับตัวผู้ลักลอบตัดไม้ประดู่ และไม้แดงอายุร่วมพันปีได้ ย้ำหากพิสูจน์ชัดว่าเป็นพื้นที่สาธารณะจะต้องดำเนินคดีผู้ต้องหา และผู้อยู่เบื้องหลังตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

จากกรณีเมื่อวันที่ 2 เมษายน 55 ที่กำนันตำบลบ้านเอื้อม อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง นำเจ้าหน้าที่พร้อมชาวบ้านเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าในหมู่บ้าน หลังพบมีผู้ลักลอบตัดไม้ประดู่ และไม้แดง อายุเกือบ 1,000 ปี พร้อมสามารถจับตัวผู้ลักลอบตัดไม้ได้ 2 คน พร้อมอุปกรณ์ตัดไม้ นำตัวส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเอื้อม แต่เจ้าหน้าที่ปล่อยตัวไปโดยอ้างว่าต้องรอพิสูจน์พื้นที่ก่อน อย่างไรก็ตาม ต่อมามีการติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสองมารับทราบข้อกล่าวหา และให้ประกันตัวไปนั้น

วันนี้ (4 เม.ย.) นายบุญเชิด คิดเห็น ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย พ.ต.ต.พรชัย พักต์ผ่องศรี ผบก.จว.ลำปาง และนายเชวง ไชยมาลาภ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) และคณะ ได้เดินทางเข้าตรวจสอบในพื้นที่ และให้กำลังใจชาวบ้านที่รู้สึกเสียใจที่ต้นไม้ขนาดใหญ่ และเป็นสถานที่ที่ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์รักษามาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายายถูกตัด

ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางกล่าวว่า ขั้นแรกต้องให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์พื้นที่ก่อนว่าเป็นพื้นที่สาธารณะของชุมชน หรือเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง หากเป็นพื้นที่สาธารณะตามที่ผู้นำหมู่บ้านยืนยันก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยให้สืบเอาจากชื่อที่ได้ขึ้นทะเบียนเลื่อยโซ่ที่ยึดไว้ไปจนถึงผู้ว่าจ้างให้ตัดให้ได้

ด้านสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) กล่าวขณะตรวจดูสภาพต้นประดู่ที่ถูกผู้ลักลอบพยายามตัดโดยมีร่องรอยการเลื่อยรอบต้นแต่ยังไม่ล้มว่า ดูจากสภาพแล้วน่าจะอยู่รอดได้ เพราะบางส่วนเลื่อยยังตัดลึกเข้าไปไม่ถึงเซลล์ของเนื้อไม้ ซึ่งไม้ประดู่จะมีลักษณะพิเศษตรงที่จะมียางไม้ในการรักษาตัวเอง หากดูแลโดยการปิดปากแผลไม่ให้ลม หรืออากาศเข้าไปบริเวณที่ถูกเลื่อย ก็จะมียางไหลสมานแผลของตัวเองให้อยู่รอดได้

ส่วนมูลค่าของต้นประดู่ต้นนี้ หากตัดแล้วนำออกสู่ตลาดได้จะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าต้นละ 5 แสนบาท แต่ทั้งนี้ มูลค่าทางจิตใจของชาวบ้านที่ช่วยกันดูแล และร่วมอนุรักษ์กันมาคงเทียบเป็นเงินไม่ได้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ ผู้นำหมู่บ้านทั้งหมดยืนยันว่าทราบชื่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสั่งตัดต้นไม้ในครั้งนี้ เพราะก่อนที่จะมีการตัดไม้ได้มีบุคคลคนหนึ่งได้ประสานมายังผู้นำหมู่บ้านหลายคน เสนอเงินให้เพื่อแลกกับการตัดไม้ดังกล่าว แต่ผู้นำหมู่บ้านไม่ยอม จนกระทั่งมาพบการลักลอบเข้ามาตัดไม้ดังกล่าว และพร้อมจะเปิดเผยรายชื่อให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ แต่จะไม่ให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเอื้อมชุดปัจจุบันแน่นอน

เหตุผลเพราะไม่มั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแต่แรก เห็นได้จากช่วงที่สามารถจับกุมตัวผู้ลักลอบตัดไม้ได้แล้วติดต่อให้เจ้าหน้าที่มารับตัวผู้ต้องหา และชาวบ้านจะแจ้งความดำเนินคดี แต่ พ.ต.ท.อภิชาติ แรงสิงห์ พนักงานสอบสวน ยังไม่ยอมให้แจ้งความ อ้างว่าไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่บ้าน แต่เป็นเรื่องของป่าไม้ ทั้งนี้ อยากเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนชุดสอบสวนทั้งหมดด้วย ส่วนไม้ของกลางเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป 7 (แม่ตุ๋ย) ได้นำคนงานมาชักลากเพื่อนำไปเก็บไว้ที่หน่วยฯ จนกว่าคดีจะถึงที่สุดแล้ว