เชียงราย - ท่าเรือเชียงแสน 2 เปิดแล้ว ยันไร้ปัญหาน้ำโขงแห้ง รับเรือสินค้าได้ตลอดปี ขณะที่ท่าเรือเดิมยกให้เทศบาลฯ ที่ล่าสุดดึงกลุ่ม “แม่โขงเดลต้า” ทุนนำเที่ยวในลุ่มน้ำโขงเข้ารับช่วงบริหารต่อ เผยธุรกิจเดินเรือน้ำโขงวันนี้ พบยอดเรือลาวพุ่งพรวด หลังเรือจีนแหยงสลัดน้ำจืด
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงรายแจ้งว่า คณะกรรมาธิการ การเงิน การคลัง และสถาบันการเงิน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายกรณ์ จาติกวณิช ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ เดินทางร่วมคณะด้วย ได้ตรวจเยี่ยมโครงการท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสน แห่งที่ 2 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะจัดประชุมสัมมนา “เตรียมความพร้อมจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ จ.เชียงราย” ที่โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ท จ.เชียงราย ในวันนี้ (2 เม.ย.)
โดยมีผู้บริหาร เจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้ง 9 หน่วยงานให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการฯ เช่น การท่าเรือแห่งประเทศไทยซึ่งเข้าไปบริหารงานกิจการทั้งหมด กรมเจ้าท่า กรมศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ฯลฯ ซึ่งเริ่มย้ายจากท่าเรือเชียงแสน 1 เข้าประจำการที่ท่าเรือแห่งนี้ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2555 เป็นต้นไป
บรรยากาศท่าเรือเชียงแสน 2 ยังคงเงียบเหงา ยังไม่มีเรือสินค้าไปใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นเรือสัญชาติจีนหรือ สปป.ลาว ที่มีอยู่จำนวนมากในแม่น้ำโขง เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้ประกอบการอาจรอดูท่าทีก่อน และยังคงมีการก่อสร้างในบางส่วนของโครงการอยู่ทำให้ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์มากนัก
จากนั้นคณะได้รับฟังบรรยายสรุป ทราบว่าท่าเรือดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 387 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา ติดชายแดนไทย-สปป.ลาว ว่าจ้างเอกชนให้ทำการก่อสร้างโดยใช้งบประมาณ 1,546.4 ล้านบาท สัญญาตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. 2552 ถึงวันที่ 28 ธ.ค. 2554 และกำหนดเปิดใช้งานได้ทันตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 55 ตามมติคณะรัฐมนตรี สามารถรองรับสินค้าได้ปีละกว่า 6 ล้านตันเพราะมีแอ่งขนาดใหญ่ขนาด 200 คูณ 800 เมตร มีท่าเรือย่อยอยู่ภายในหลายจุด มีระยะทางไกลจากท่าเรือกวนเหล่ย เมืองท่าหน้าด่านของจีนประมาณ 265 กิโลเมตร ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเฉลี่ย 1.70-7 เมตร สามารถใช้เพื่อการเดินเรือได้ตลอดทั้งปี
นายทรงกลด ดวงหาคลัง ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 1 สาขาเชียงราย กล่าวว่า ในปัจจุบันมีเรือสินค้าที่อยู่ในระบบเป็นเรือสัญชาติจีนประมาณ 90 ลำ ส่วนสัญชาติ สปป.ลาว เดิมมีจำนวน 70 ลำ แต่หลังจากเหตุการณ์เรือสินค้าจีนถูกยิงจนเสียชีวิต 13 ศพเมื่อเดือน ต.ค. 2554 ทำให้เรือสินค้าลาวถูกนำมาใช้บริการทดแทนเรือจีนที่หายไปมากขึ้นเป็นกว่า 140 ลำแล้ว และเรือพม่ามี 25 ลำ เรือไทย 3 ลำ
จากการเฝ้าติดตามระดับน้ำในแม่น้ำโขงพบว่า ในช่วง 2 ปีหลังจากจีนก่อสร้างเขื่อนแล้วเสร็จพบว่าน้ำไม่แห้งจนเดินเรือไม่ได้ โดยช่วง 2 เดือนมานี้ตนได้เฝ้าติดตามสถานการณ์พบน้ำตื้นสุด 1.50-2 เมตร ขณะที่เรือขนาด 100-150 ตันสามารถเดินเรือได้ โดยเดือน มี.ค. 55 ที่ผ่านมาพบมีเรือจีนเข้าใช้บริการที่ท่าเรือเชียงแสนแห่งเดิมกว่า 65 เที่ยว เรือลาว 448 เที่ยว เรือพม่า 33 เที่ยว และเรือไทย 10 เที่ยว
นายทรงกลดกล่าวอีกว่า ตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 31 มี.ค. 55 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยย้ายมาอยู่ท่าเรือแห่งใหม่กันหมด แต่จะทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในเดือน พ.ค. 55 ส่วนท่าเรือแห่งเดิมได้มอบแก่เทศบาล ต.เวียงเชียงแสนเข้าไปบริหารงานแล้ว โดยจะใช้เพื่อการท่องเที่ยว
ล่าสุดมีรายงานว่า ท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 1 เทศบาล ต.เวียงเชียงแสน ได้ให้ทางษริษัทแม่โขงเดลต้า ทราเวลเอเจนซี่ จำกัด ซึ่งประกอบกิจการเดินเรือท่องเที่ยวในแม่น้ำโขงอยู่ เข้าไปบริหารงานแล้ว
นายทรงกลดบอกว่า ท่าเรือใหม่คาดว่าจะมีเรือไปใช้บริการวันละกว่า 20 ลำ โดยท่าเรือจะเป็นระบบ Single window ให้บริการจากหน่วยงานต่างๆ พร้อมกันแล้วเสร็จ ณ ที่เดียวซึ่งสะดวกสบาย
สำหรับ กรณีอาจจะมีร่องแม่น้ำโขงตื้นเขินจนเดินเรือไม่สะดวกเป็นบางช่วงนั้น มีคณะกรรมการประสานการดําเนินการตามความตกลงว่าด้วยการเดินเรือพาณิชย์แม่น้ำโขง 4 ชาติ (The Joint Committee on Coordination of Commercial Navigation on the Lancang-Mekong Riveramong China, Laos, Myanmar and Thailand) คอยแก้ไขปัญหาเป็นจุดๆ ต่อไป เชื่อว่าในอนาคตการเดินเรือยังคงเติบโต เพราะมีต้นทุนต่ำกว่าการขนส่งด้านอื่นกว่า 5 เท่า
ด้านนายบัวสอน ประชามอญ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และมีชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนมีข้อสงสัยเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิงที่ส่งออกในแม่น้ำโขงว่ามีการตรวจสอบกันอย่างถี่ถ้วนหรือไม่ เพราะทราบว่าอาจมีการลักลอบส่งน้ำมันออกอ้างว่าไปจีน แต่นำกลับมาขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT 7% กัน โดยอยากทราบเรื่องการขอคืนภาษีแท้จริงมีมากน้อยเพียงใด และระบบตรวจสอบเป็นอย่างไร
“เท่าที่รู้มีปัญหาเม็ดเงินที่หายไปกับการกระทำผิดลักษณะนี้หลายพันล้านบาท”
ด้าน นายอรรถภัณฑ์ รังษี ประธานชมรมผู้ค้าชายแดน อ.เชียงแสน กล่าวว่า ท่าเรือแห่งเดิมมีการเก็บค่าธรรมเนียมสินค้าที่เข้าไปใช้บริการท่าเรือเป็นเมตริกตัน เมตริกตันละประมาณ 400 บาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทำให้ผู้ประกอบการเสียค่าใช้จ่ายมาก ดังนั้น ในโอกาสที่ท่าเรือเปิดให้บริการใหม่ จึงอยากให้มีการลดราคาในช่วงแรกด้วย เพื่อไม่ให้กระทบผู้ประกอบการมากเกินไป
ขณะที่นางเกศสุดา สังขกร รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย ฝ่ายการค้าชายแดน อ.เชียงแสน กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม ไปจนถึงฤดูฝนทุกปีน้ำโขงจะแห้งลง บางจุดเรือสินค้าแล่นไม่ได้ โดยมักจะไปติดสันดอนทรายตามเขตแดนพม่า-สปป.ลาว แถวป่าแลว หรือเกาะดอนซาว ล่าสุด 28 มี.ค. 55 ก็มีเรือติดสันดอนทรายดังกล่าวจนเข้าท่าเรือเชียงแสนไม่ได้จนถึงปัจจุบัน จึงขอให้มีการประสานกับจีนเพื่อให้มีการปรับร่องน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 เมตรด้วย
รายงานข่าวจากด่านศุลกากรเชียงแสนระบุว่า ปี 2554 ที่ผ่านมามีมูลค่าการค้าผ่านท่าเรือแม่น้ำโขงที่ อ.เชีงยแสน เป็นการส่งออก 8,992.65 ล้านบาท นำออก 1,100.12 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2555 ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2554-ก.พ. 2555 มีการส่งออกแล้ว 4,480.40 ล้านบาท และนำเข้า 180.08 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการค้ากับจีน และ สปป.ลาว
สินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นชิ้นส่วนไก่แช่แข็ง น้ำมันปาล์ม ส่วนน้ำมันดีเซลมีการส่งออก 354.78 ล้านบาท ฯลฯ สำหรับสินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นผลไม้ เมล็ดทานตะวัน กระเทียม ดอกไม้เพลิง เห็ดหอม ฯลฯ