ประจวบคีรีขันธ์ - พายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำเข้าชายฝั่งในอำเภอทับสะแก และบางสะพานน้อย ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันนี้ (1 เม.ย.) สร้างความเสียหายกับบ้านเรือน 125 หลัง เรือประมงพื้นบ้านถูกพายุพัดจม 26 ลำ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ส่วนนายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบฯ นายก อบต.ทับแสะแก นายอำเภอบางสะพาน นายอำเภอบางสะพานน้อย เข้าตรวจสอบความเสียหาย และให้ความช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนแล้ว
เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (1 เม.ย.) นางปรียา ศรีวัฒนตระกูล นายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมคณะเหล่ากาชาด นางสำเนียง ปักกิ่งเมือง นายก อบต.ทับสะแก พร้อมด้วยรองนายก อบต.และเจ้าหน้าที่ อบต.ทับสะแก นายสุเทพ รื่นถวิล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายปภาวิน แสงสุริยา ปลัดอาวุโสอำเภอทับสะแก นายบรรจงศักดิ์ โพธิ์ทอง ปลัดอำเภอทับสะแก ฝ่ายความมั่นคง นายเสรี พราหมณี ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 บ้านชายทะเล-ทับสะแก ได้เข้าตรวจสอบความเสียหายหลังเกิดเหตุการณ์พายุพัดในช่วงเวลาประมาณ 03.30-05.00 น. ทำให้บ้านเรือน และเรือประมงเสียหาย
จากการตรวจสอบในพื้นที่หมู่ 2 บ้านทุ่งประดู่ และหมู่ 3 บ้านช่องขวาง ต.ทับสะแก อ.ทับสะแก พบความเสียหายส่วนใหญ่เป็นกระเบื้องมุงหลังถูกลมพายุพัดกระหน่ำตกลงพื้นแตกละเอียด ได้รับความเสียหายจำนวน 45 หลัง ในจำนวนมีที่เสียหายหนักคือหลังคาหลุดจากบ้าน และผนังกำแพงร้าว 2 หลัง ส่วนที่รุนแรงสุดเป็นโรงงานน้ำปลาวังใต้ มีแผ่นกระเบื้องมุงหลังคาหลุดออกมาจำนวนมาก
นอกจากนี้ ยังมีเรือประมงชายฝั่งซึ่งเป็นเรือไดหมึก ถูกน้ำทะเลซัดจม 6 ลำ สามารถกู้คืนมาได้ 3 ลำ ส่วนที่เหลือยังไม่สามารถนำกลับเข้าชายฝั่งได้ เนื่องจากอยู่ไกลกว่า 2 กิโลเมตร ความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
สำหรับอำเภอทับสะแก เบื้องต้นเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบฯ ได้มอบถุงยังชีพให้แก่ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ส่วนทาง อบต.ทับสะแก ได้ดำเนินการจัดซื้อกระเบื้อง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เข้ามาซ่อมแซมบ้านเรือนของชาวบ้านเป็นการเร่งด่วนแล้ว
นายทวีป ทองแถม ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 บ้านทุ่งประดู่ อ.ทับสะแก กล่าวว่า ตนมีอาชีพรับซื้อปลาหมึกซึ่งมีบ้านอยู่ริมชายทะเล กล่าวว่า โดยปกติพายุฤดูร้อนจะพัดเข้าชายฝั่งทับสะแกเป็นประจำ แต่ปกติแล้วลมพายุจะมาตอนกลางวันแถบกลางทะเล แต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ลมพายุได้พัดในระหว่างที่เรือไดหมึกกำลังออกหาปลาหมึกอยู่ ทำให้ลูกเรือต้องรีบนำเรือหลบพายุ ส่วนที่เหลือกลับเข้าชายฝั่งไม่ทัน จึงโดนพายุพัดจม 3 ลำ มูลค่าความเสียหายกว่า 3 แสนบาท
ด้านนายประทีป สุขสวัสดิ์ อายุ 37 ปี ชาวประมงทับสะแก กล่าวว่า ก่อนพายุจะเข้าได้นำเรืออกไปไดปลาหมึกห่างจากชายฝั่งประมาณ 3 กม. จนกระทั่งภรรยาโทร.มาแจ้งว่าให้รีบกลับเข้าฝั่ง เนื่องจากพายุกำลังจะเข้า ระหว่างนั้นเองได้เลือกทำการประมงกำลังหันหัวเรือมุ่งหน้ากลับเข้าฝั่ง ก็โดนลมพายุกระหน่ำพัดจนเรือพลิกคว่ำในทันที ซึ่งตอนนั้น ไม่มีคลื่นในทะเลแต่อย่างใด เมื่อพัดตกลงในน้ำจึงตัดอวนทิ้ง และพยายามว่ายน้ำพยุงตัวเข้าฝั่งมาได้อย่างปลอดภัยในช่วงเช้ามืด ซึ่งโชคดีที่รอดตายมาอย่างหวุดหวิด จนกระทั่งวันนี้ ชาวประมงทับสะแก ได้ช่วยกันไปกู้เรือกลับมาไว้ที่ชายหาดได้ ส่วนค่าเสียหายยังประเมินไม่ได้
นายสมศักดิ์ ศรีคำ อายุ 29 ปี ชาวประมงทับสะแก ซึ่งออกไปทำการประมงในท้องทะเลทับสะแก ที่รอดตายอีกราย กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุอยู่ๆ ก็มีลมพัดแรงมาก และมาปะทะกับเรือของตนเอง ทำให้เรือจมลงทันที ตอนนั้นคว้าแกลลอนน้ำเอาไว้ได้ และค่อยๆ ว่ายกับเข้าฝั่งมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรือประมงกำลังรอการไปกู้ของเจ้าหน้าที่อยู่ในขณะนี้
นายสุเทพ รื่นถวิล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า หลังจากตรวจสอบข้อมูลพบว่า ยังมีบ้านเรือนประชาชน ในอำเภอบางสะพานน้อย ได้รับความเสียหายอีก 79 หลัง และยังมีเรือประมงพื้นบ้านในพื้นที่ อ.บางสะพาน จมไปอีก 13 ลำ อ.บางสะพานน้อย 1 ลำ และทับสะแก 6 ลำ รวมทั้งหมด 26 ลำ เบื้องต้นทราบว่ามีผู้เสียชีวิต 1 ราย ที่อำเภอบางสะพาน ซึ่งเป็นชาวประมง ส่วนพื้นที่ทางการเกษตร ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสำรวจความเสียหาย