ศูนย์ข่าวศรีราชา - ฉก.ตชด.12 สนธิกำลังร่วมด่านศุลกากรอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว สกัดจับข้าวเปลือกลักลอบนำเข้าจากประเทศกัมพูชา หลังพบมีขบวนการลักลอบนำข้าวเปลือกเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบด้านตาพระยา
พ.ต.ท.เพิ่มศักดิ์ ตาตะนันท์ รองผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจ ตชด.12 กองกำลังบูรพา เผยว่า การจับกุมดังกล่าวเป็นผลมาจากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ที่พบว่า มีขบวนการลักลอบนำข้าวเปลือกเข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบด้านตาพระยา จึงประสานไปยังนายอวยชัย กุลทิพย์มนตรี นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อทำการสกัดกั้น และได้สั่งให้ ร.ต.อ.ชาตรี แก้วเบา ผู้บังคับกองร้อย ฉก.ตชด.1 นำตำรวจ ตชด.หน่วยเฉพาะกิจ ตชด.12 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรอรัญประเทศ ออกลาดตระเวนเพื่อสกัดกั้นการลักลอบนำข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้าน ตามคำสั่งของกองทัพภาคที่ 1 กองกำลังบูรพา และจังวัดสระแก้ว เพื่อไม่ให้กลุ่มนายทุนนำข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิ์ในการจำนำข้าวเปลือก
ซึ่งขณะลาดตระเวนตามถนนบริเวณท้ายหมู่บ้าน ตำบลทัพไทย อำเภอตาพระยา จังหวัดสระแก้ว ได้ตรวจพบรถบรรทุก 6 ล้อ รถปิคอัพ และรถไถพวงท้าย บรรทุกข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามายังฝั่งไทย กำลังหน่วยลาดตระเวน จึงนำกำลังเข้าสกัดจับรถ จำนวน 17 คัน จากนั้นได้นำรถข้าวเปลือกทั้งหมดเข้ามาตรวจสอบขยายผลที่ กองร้อย ตชด.แสง ตำบลทัพไทย พร้อมรถที่บรรทุกข้าวเปลือก โดยผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการรับสารภาพว่า ชื้อข้าวเปลือกมาจากประเทศกัมพูชาเพื่อขายต่อให้นายทุนในอำเภอตาพระยา โดยได้เข้าไปบรรทุกข้าวเปลือกในฝั่งกัมพูชาและจะมี นายทุนรับซื้อไว้ เพื่อนำเข้ามาส่งที่โรงสีในพื้นทีจังหวัดสระแก้ว
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ตชด.และเจ้าหน้าที่ศุลกากรอรัญประเทศ ยังพบว่าข้าวเปลือกที่ลักลอบนำเข้ามาเป็นข้าวหอมมะลิจากฝั่งเขมร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดของเจ้าหน้าที่
โดย พ.ต.ท.เพิ่มศักดิ์ กล่าวว่า การดำเนินการสกัดจับก็เพื่อไม่ให้มีการลักลอบนำข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาสวมสิทธิ์จำนำในประเทศไทย ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 1 และกองกำลังบูรพาได้สั่งตรวจเข้มตามแนวชายแดน ขณะที่หน่วย ฉก.ตชด.12 ก็ได้เข้าพบปะชาวบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดน และขอร้องให้ชาวบ้าน ไม่รับจ้างนายทุนเพื่อขนข้าวเปลือก เพราะหากนายทุนได้รับข้าวเปลือกที่ชาวบ้านขนเข้ามาแล้ว ก็จะนำไปแปรธาตุเป็นข้าวเปลือกของไทย แล้วนำไปสวมสิทธิ์จำนำ ทำให้เกิดความเสียหายต่อชาติบ้านเมือง ซึ่งเงินที่รับจำนำล้วนเป็นเงินจากภาษีของชาวบ้านนั่นเอง
“ขณะนี้ได้สั่งกำลังเตรียมพร้อมเนื่องจากมีชาวบ้านบางส่วนที่ทราบข่าวเรื่องการดำเนินการดังกล่าวและเกิดความไม่พอใจ จึงรายงานให้ พ.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา รอง ผก.กกล.บูรพา และนายยุทธนา นุชนาถ นายอำเภอตาพระยา ได้รับทราบ เพื่อมาเจรจากับกลุ่มชาวบ้านต่อไป” พ.ต.ท.เพิ่มศักดิ์ กล่าว
ด้านนางสาวนภัสส์ อาวุธพันธ์ ชาวบ้านในเขตอำเภอตาพระยา กล่าวว่า ได้ลงทุนร่วมกับญาติและเพื่อนบ้านเข้าไปซื้อข้าวเปลือกจากเขมร ซึ่งขายในกิโลกรัมละ 6 บาทมาขายต่อให้กับโรงสีในพื้นที่ตาพระยาในราคากิโลกรัม 7 บาท เนื่องจากไม่มีรายได้อื่นนอกจากการเกษตรทำนาปีละ 1 ครั้งเท่านั้น