ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เชียงใหม่สั่งระดมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตั้งคณะทำงานสืบเรื่องยาแก้หวัด 3 ล้านเม็ด ที่ถูกทิ้งข้างทาง อ.สันกำแพง แล้ว ตั้งเป้าเร่งหาตัวการ-ที่มา ด้านตำรวจ เผย มีเบาะแสหลายอย่างพัวพันคดีพบยาแก้ไอผสมซูโดเมื่อ 18 ก.พ.แต่ยันต้องสืบสวนให้ชัดก่อน ส่วน สธ.เผย ผลตรวจสอบ รพ.ในเชียงใหม่ นอกจาก “ฮอด-ดอยหล่อ” แล้วที่อื่นยังไม่พบความผิดปกติ
วันนี้ (29 มี.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรสันกำแพง จ.เชียงใหม่ หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในการแถลงข่าวกรณีการตรวจพบซองยา กล่องบรรจุ และขวดยาที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน บริเวณที่ดินว่างเปล่า ตรงข้ามกับบริษัท พิทักษ์คอนสตรัคชั่น เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมี พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 นายวิชัย ไชยมงคล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 ดร.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
การแถลงข่าวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจพบแผงยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน จำนวน 2 กอง ถูกนำมาทิ้งไว้ในบริเวณที่ดินว่างเปล่า ตรงข้ามกับบริษัท พิทักษ์คอนสตรัคชั่น ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านน้อย หมู่ 11 ต.สันกำแพง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ภายหลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่
จากการประเมินในเบื้องต้น คาดว่า มียาแก้หวัดที่ถูกแกะออกไปแล้วประมาณ 3 ล้านเม็ด รวมทั้งอาจมีความเชื่อมโยงกับคดีที่พบซองยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีนภายในบ้านเช่าที่ ต.สันกลาง อ.สันกำแพง เมื่อวันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันในหลายประเด็น เป็นต้น
หม่อมหลวง ปนัดดา กล่าวถึงการตรวจพบซองยาแก้หวัดจำนวนมากในพื้นที่ อ.สันกำแพง ว่า ได้สั่งการให้ตั้งคณะทำงาน ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และกองบังคับการการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานอาหารและยาจังหวัดเชียงใหม่ขึ้น เพื่อร่วมกันทำการตรวจสอบเพื่อสืบสวนหาที่มาของยาแก้หวัดที่ถูกนำมาแกะเอาเม็ดยาออกไปและนำซอง กล่องบรรจุและขวดยามาทิ้งไว้ในพื้นที่ อ.สันกำแพงแล้ว โดยหากมีข้อมูลความคืบหน้าอย่างไร ก็จะแจ้งให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ โดยจะเร่งดำเนินการให้ได้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับยาแก้หวัดเหล่านี้โดยเร็วที่สุด
ด้าน ดร.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงการตรวจสอบการสั่งซื้อและเบิกจ่ายยาแก้หวัดที่มีส่วนประกอบของซูโดอีเฟดรีนในโรงพยาบาลของรัฐที่จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ขณะนี้ได้ทำการตรวจสอบโรงพยาบาลในสังกัดทั้งหมดแล้ว
นอกเหนือจากกรณีที่ตรวจพบความผิดปกติ ที่โรงพยาบาลฮอดและดอยหล่อแล้ว ในที่อื่นๆ ยังไม่พบความปกติ หรือการกระทำผิดแต่อย่างใด โดยในส่วนของโรงพยาบาลที่มีปัญหาทั้งสองแห่งนั้นได้ทำการสอบสวนเภสัชกรที่มีหน้าที่รับผิดชอบแล้ว คาดว่า จะได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้
ขณะเดียวกัน หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั้งหมด ยังได้สั่งเก็บยาที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีนทั้งหมดแล้ว ส่วนการตรวจสอบโรงพยาบาล หรือสถานพยาบาลอื่นๆ นั้น ทางสำนักงานอาหารและยามีข้อมูลการสั่งซื้อยาเหล่านี้อยู่แล้ว ซึ่งสามารถนำมาตรวจสอบเพื่อหาความผิดแปกติในการจัดซื้อและเบิกจ่ายได้
พ.ต.อ.ภาณุเดช บุญเรือง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนขิงพนักงานสืบสวน พบว่า ซองยา กล่องบรรจุ และขวดยาที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน ในครั้งนี้มีความคล้ายคลึงกับการตรวจพบซองยาแก้ไอที่มีมีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟดรีนภายในบ้านเช่าที่ ต.สันกลาง ในหลายจุด อย่างเช่น ตัวยาที่พบ ซึ่งตรงกันหลายชนิด
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายจุดที่ยังไม่ตรงกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนหาที่มาที่ไปของยาแก้หวัดชุดนี้ต่อไป โดยจะให้ความสำคัญใน 2 ส่วน ได้แก่ ที่มาของยาแก้หวัดทั้งหมด และผู้ที่นำยามาแกะและนำแผงยามาทิ้งในพื้นที่ อ.สันกำแพง
ทั้งนี้ การสืบหาที่มาของยาแก้หวัดชุดนี้อาจต้องใช้เวลา เนื่องจากการตรวจสอบ พบว่า ยาบางส่วนเป็นยาที่ผลิตมาตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งหมายความว่า อาจมีการนำมาแกะเอาเม็ดยาออกนานแล้ว รวมทั้งยังไม่มีบรรจุภัณฑ์ ซึ่งระบุที่มา ต่างจากกรณีของยาแก้ไอที่ตรวจพบที่ ต.สันกลาง ซึ่งเมื่อตรวจสอบบรรจุภัณฑ์แล้ว พบว่า เป็นยาที่มาจากโรงพยาบาลทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ที่เภสัชกรของโรงพยาบาลได้ลักลอบสั่งซื้อและจำหน่าย
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้คดีการตรวจพบซองยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟรดีนภายในบ้านเช่าที่ ต.สันกลาง อ.สันกำแพง ได้มีการโอนย้ายไปอยู่ในความารับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว ส่วนคดีการพบซองยาแก้หวัดครั้งล่าสุดนี้จะยังคงอยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง