กาญจนบุรี - เลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน ที่กาญจน์เดือด คนร้ายควบรถยนต์เก๋งประกบยิงหัวคะแนน ขณะพาครอบครัวกลับจากงานเลี้ยงรับใบประกาศฯ คมกระสุนพลาดเป้า ลูกสาววัย 19 ปี รับเคราะห์แทนอาการสาหัส พ่อเหยื่อสาวผู้เคราะห์ร้ายยันชนวนเหตุไม่มีเรื่องอื่น นอกจากเรื่องเป็นหัวคะแนน หลังยื่นหนังสือร้องเรียน 1 ในผู้สมัครย้ายผีเข้าบ้าน จนถูกตั้งกรรมการสอบ อาจจะโกธรแค้นว่าจ้างมือปืนมายิง ด้าน ผกก.สั่งชุดสืบสวนลงพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ หวั่นมีนองเลือด
เหตุคนร้ายยิงหัวคะแนนเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้าน แต่กระสุนพลาดเป้าถูกลูกสาวอาการปางตายรายนี้ เกิดขึ้นเมื่อกลางดึกเวลาประมาณ 00.30 น.ของวันนี้ (28 มี.ค.) พ.ต.ท.บำรุง วสุนทรานิติกุล พงส.สบ2 สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจาก นายประสาน สงวนพันธ์ นายก อบต.บ้านเก่า อ.เมืองกาญจนบุรี ว่า เกิดเหตุมีคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกนำตัวส่ง รพ.กาญจนบุรีเมโมเรียล หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ และที่โรงพยาบาล พบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บชื่อ น.ส.ปิยนันท์ เจริญมูล อายุ 19 ปี กำลังศึกษาอยู่คณะวิศวกรรมอาหาร ปี 2 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสน จ.นครปฐม มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เจาะเข้าที่บริเวณต้นแขนขวา 1 นัด คมกระสุนแฉลบผ่านหน้าอกทะลุออกต้นแขนซ้ายตัดเส้นเลือดใหญ่ อาการสาหัส แพทย์ต้องรีบนำตัวเข้าห้องผ่าตัด เนื่องจากเลือดไหลไม่หยุด
ต่อมา พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี พร้อม พ.ต.ท.บำรุง ได้เดินทางไปที่ รพ.กาญจนบุรีเมโมเรียล เพื่อดูอาการผู้บาดเจ็บ และตรวจสอบรถยนต์ที่ถูกคนร้ายยิงใส่ โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ อีซูซุ แค็บ สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน บบ 4992 กาญจนบุรี เป็นรถของ นายพยัค เจริญมูล อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 162 หมู่ 15 บ้านห้วยน้ำใส ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นเจ้าของรถและเป็นพ่อของ น.ส.ปิยนันท์ เจริญมูล ผู้ได้รับบาดเจ็บ พบว่า ที่บริเวณประตูด้านขวาคนขับ มีรูกระสุนปืนไม่ทราบขนาด 1 รู ที่บานกระจกแค็บด้านขวาอีก 1 รู เศษกระจกแตกกระจายเกลื่อนพื้นรถ และที่บานกระจกด้านหน้า ทั้งข้างบนและข้างล่าง มีรูกระสุนปืนอีก 2 รู
สอบสวนปากคำเบื้องต้น นายพยัค เจริญมูล เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนและครอบครัว พร้อมด้วยเพื่อนบ้านรวม 9 ชีวิต ได้เดินทางกลับจากงานเลี้ยงมอบใบประกาศณียบัตรเด็กนักเรียนที่จบการศึกษาประจำปี 2554 ของโรงเรียนบ้านเก่าวิทยา ชื่อ “งานราตรีจามจุรีบาน” ซึ่งตนและภรรยาพร้อมด้วยลูกๆ นั่งโดยสารมาในรถ รวม 6 คน ส่วนเพื่อนบ้านที่ไปด้วยนั่งอยู่ทางกระบะหลัง 3 คน โดยมีตนทำหน้าที่เป็นคนขับ
นายพยัค กล่าวต่อว่า เมื่อตนขับรถมาตามถนนสายบ้านเก่า-ห้วยน้ำขาว หมู่ที่ 6 บ้านทุ่งศาลา เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้านที่ห้วยน้ำขาว ตนได้สังเกตเห็นว่า ด้านหลังมีรถยนต์เก๋งไม่ทราบยี่ห้อสีบรอนซ์เงิน วิ่งติดตามหลังมา แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร จู่ๆ รถเก๋งคันดังกล่าวก็วิ่งแซงรถของตนออกไปทางด้านขวา แล้วก็มีเสียงดังปัง ตนคิดว่า ยางแตก จึงหยุดรถ คนร้ายไม่ทราบว่ามีกี่คนที่นั่งมาในรถ ก็สาดกระสุนใส่รถของตนทันทีอีก 3 นัดซ้อนๆ และขับรถหลบหนีมุ่งหน้าไปทางบ้านห้วยน้ำขาว ตนจึงโทรศัพท์บอกให้ นายประสาน สงวนพันธ์ นายก อบต.บ้านเก่า ทราบ เนื่องจากเป็นคนที่ตนเคารพนับถือเป็นอย่างมาก และในเวลาต่อมา นายประสาน และ นายนพดล สงวนพันธ์ น้องชาย ก็รีบเดินทางมาและขับรถนำหน้าพาตนและลูกสาวส่ง รพ.กาญจนบุรีเมโมเรียล
นายพยัค กล่าวถึงสาเหตุที่ถุกยิงในครั้งนี้ ว่า สาเหตุที่ถูกยิงในครั้งนี้ ตนกล้ายืนยันว่า มีเรื่องเดียว คือ เรื่องที่ตนเป็นผู้สนับสนุน นายเรวัฒน์ เหลืองแดง 1 ใน 4 ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 15 บ้านห้วยน้ำขาว ต.บ้านเก่า อ.เมือง ที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 3 เม.ย.55 และเป็น 1 ในกลุ่มผู้ยื่นหนังสือร้องเรียนนายอำเภอเมืองกาญจนบุรี ให้ตรวจสอบทะเบียนบ้านในหมู่บ้านหมู่ที่ 15 ก่อนการเลือกตั้ง เนื่องจากพบว่ามีการย้ายผีเข้าบ้านเพื่อทุจริตการเลือกตั้ง ซึ่งทางอำเภอและจังหวัดได้รับเรื่องและกำลังตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ คาดว่า คงทำให้ฝ่ายผู้สมัครที่เสียผลประโยชน์อาจจะเกิดความโกธรแค้นว่าจ้างมือปืนมายิงถล่มก็เป็นได้ คนร้ายนั้นเหี้ยมโหดมาก คนในรถมีแต่ผู้หญิงและเด็กยังยิงใส่
หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.โชต วีรเดชกำแหง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน ผกก.กสส.ภ.จว.กาญจนบุรี นำกำลังชุดสืบสวน ตร.กสส.ลงพื้นที่ ต.บ้านเก่า ประสานตำรวจเพื่อหาข้อมูลเบาะแสของคนร้ายอย่างเร่งด่วน
ส่วนด้าน พ.ต.อ.สมเดช ฐิตวัฒนะสกุล ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและตำรวจฝ่ายป้องกันและปราบปรามนำกำลังลงพื้นที่ทั้ง 2 หมู่บ้าน โดยตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามเส้นทาง เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ก่อนและหลังการเลือกตั้ง โดยได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย หากพบว่าผู้ใดที่พกพาอาวุธปืน และสิ่งของผิดกฎหมายให้ทำการจับกุมตัวดำเนินคดีอย่างไม่มีข้อยกเว้น โดยให้รายงานต่อผู้บังคับบัญชาโดยตรง เนื่องจากหวั่นว่าหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอาจจะมีการนองเลือดเกิดขึ้นได้
