รองอธิบดีกรมป่าไม้นำกำลังเข้ายึดพื้นที่ป่าสงวนฯที่กาญจน์ หลังถูกนายทุนบุกรุกแผ้วถาง

กาญจนบุรี - รองอธิบดีกรมป่าไม้ นำกำลังกว่า 100 นาย เดินเท้าเข้ายึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อย ที่กาญจนบุรี หลังถูกนายทุนบุกรุกแผ้วถางเพื่อยึดครองรวม 3 แปลง กว่า 40 ไร่ พร้อมทำลายพืชผลอาสินและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง

เมื่อเวลา 10.00 วันนี้ (28 มี.ค.) นายประยุทธ หล่อสุวรรณศิริ รองอธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วยนายยรรยง เลขาวิจิตร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ ที่ 10 (ราชบุรี) นายบุญสืบ สมัครราช ผอ.ส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 10 (ราชบุรี) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปทส. ตชด.ที่ 136 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค ฝ่ายปกครองอำเภอไทรโยค และทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ทั้งหมดสนธิกำลังกว่า 100 นาย เข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อย ในพื้นที่ ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี หลังถูกนายทุนบุกรุกแผ้วถางเพื่อยึดครอง

นายประยุทธ หล่อสุวรรณศิริ รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า การนำกำลังมาครั้งนี้ เพื่อดำเนินการรื้อถอนพืชผลอาสิน ซึ่งประกอบด้วย พืชเกษตร เช่น ยางพารา สับปะรด และมันสำปะหลัง ของผู้กระทำผิดออกจากป่าสงวนแห่งชาติ สืบเนื่องจากกรมป่าไม้ได้มีหนังสือที่ ทส 1601/22450 ลงวันที่ 25 พ.ย.2554 สั่งการให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ดำเนินการกับผู้กระทำความผิดและทรัพย์สิน ที่ซึ่งผู้กระทำผิดได้ใช้ หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือได้มาโดยกระทำผิดอย่างเด็ดขาด

จากนั้นจึงได้สั่งการให้หน่วยป้องกันรักษาป่าในพื้นที่ที่มีการตรวจยึดจับกุมการกระทำผิด ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 เพื่อทำการตรวจสอบพื้นที่ที่ได้มีการตรวจยึดไว้ พบว่า มีการปลูกพืชอาสินจำพวกสับปะรด มันสำปะหลัง และยางพารา รวมทั้งมีสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งทั้งหมดเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการรื้อถอนทำลายและขนย้ายทรัพย์สินของผู้กระทำผิดให้ออกนอกพื้นป่าสงวนแห่งชาติให้แล้วเสร็จภายในวันนี้

สำหรับการดำเนินการในวันนี้เจ้าหน้าที่จะเร่งทำลายอาสิน และสิ่งปลูกสร้างทั้งสิ้นจำนวน 3 แปลง แปลงที่ 1 เนื้อที่ 6-1-86 ไร่ แปลงที่ 2 เนื้อที่ 11-1-03 ไร่ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 4 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค เช่นกัน โดยทั้ง 2 แปลง เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดเอาไว้เมื่อวันที่ 12 ก.ค.54 อยู่ที่บริเวณป่าบ้านบ้องตี้ล่าง หมู่ที่ 2 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค โดยทั้งสองแปลงอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย ส่วนแปลงที่ 3 มีเนื้อที่ 31-1-75 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าวังใหญ่และป่าแม่น้ำน้อย โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจยึดเอาไว้เมื่อวันที่ 13 ก.ค.54 รองอธิบดีกรมป่าไม้ กล่าว

รายงานข่าว ว่า ก่อนคณะของรองอธิบดีกรมป่าไม้จะเดินทางเข้าไปพื้นที่ที่ถูกกลุ่มนายทุกบุกรุกยึดครองซึ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าวังใหญ่ และป่าแม่น้ำน้อย ทั้งหมดได้ร่วมประชุมวางแผนกันที่บริเวณองค์การบริหารส่วนตำบลบ้องตี้ โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ จากนั้นจึงเดินทางไปพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งรถยนต์ที่คณะนำไปไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้เนื่องจากเส้นทางต้องเดินด้วยเท้าเท่านั้น ทำให้คณะของรองอธิบดีกรมป่าไม้ ต้องเดินเท้าเข้าไปเป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร

เมื่อไปถึงพบพื้นที่ที่ถูกกลุ่มนายทุนเข้ายึดครองมีลักษณะเป็นเชิงเขาและถูกแผ้วถางเป็นบริเวณกว้าง ภายในพื้นที่มีการปลูกพืชไร่จำพวก กล้วย สับปะรด และยางพารา เอาไว้ โดยพื้นที่ตรวจยึดทั้ง 3 แปลง หากเจ้าหน้าที่ไม่เดินลาดตระเวนเพื่อตรวจสอบ ก็จะไม่ทราบเลยว่าภายในมีการบุกรุกแผ้วถาง เนื่องจากพื้นที่โดยรอบเป็นป่าเบญจพรรณรกทึบ