xs
xsm
sm
md
lg

2 อำเภอกาญจน์แล้งหนัก-เพลี้ยกระโดดอาละวาดซ้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - 2 อำเภออีสานกาญจนบุรี “ห้วยกระเจา-เลาขวัญ” ระทม ทุกพื้นที่แล้งหนัก พืชเกษตรเสียหายยับ แถมเพลี้ยกระโดดร่วมวงซ้ำเติมพืชไร่ วอนรัฐปฏิบัติการฝนหลวง ช่วยเหลือ

เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (26 มี.ค.) พื้นที่ 2 ใน 4 อำเภอภาคอีสาน จังหวัดกาญจนบุรี แล้งจัด ประกอบด้วย อ.ห้วยกระเจา และ อ.เลาขวัญ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาทั้ง 2 อำเภอถูกประกาศให้เป็นเขตพิบัติภัยแล้ง จากการสำรวจพบว่า พื้นที่อำเภอห้วยกระเจา โดยเฉพาะเขตพื้นที่ตำบลสระลงเรือ ทั้งหมด 17 หมู่บ้าน หากฝนไม่ตกลงมาภายใน 1 เดือน แหล่งน้ำที่ใช้ผลิตน้ำประปาของเทศบาลตำบลสระลงเรือเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ก็จะแห้งขอด ชาวบ้านเกือบทั้งหมดต้องได้รับความเดือดร้อนหนักอย่างแน่นอน โดย นายอนุชา สุขเชิงชาย นายกเทศมนตรีตำบลสระลงเรือ พร้อมคณะ ได้นำสำรวจตรวจสอบแหล่งน้ำที่ใช้ผลิตน้ำประปาประจำตำบลที่มีอยู่เพียงแห่งเดียว พบว่า ปริมาณน้ำในปัจจุบัน สูงแค่ระดับหัวเข่าเท่านั้น

นายอนุชา กล่าวว่า พื้นที่ ต.สระลงเรือ มี 125 ตารางกิโลเมตร 2,175 ครัวเรือน ประชากร 7,125 คน มีพื้นที่เกษตร 7.4 หมื่นไร่ ส่วนใหญ่ปลูกมันสำปะหลัง อ้อย ข้าวโพด ถั่วลิสง เป็นต้น ปัจจุบันทุกทุกครัวเรือนกำลังได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาภัยแล้งเป็นอย่างมาก พืชผลทางการเกษตรที่ชาวบ้านปลูกไว้ก็ทยอยแห้งตายหมด เนื่องจากต้องอาศัยน้ำฝนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น อีกทั้งฝนไม่ตกลงมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2554 หรือประมาณ 5 เดือนมาแล้ว จึงสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก

นอกจากนั้น แหล่งน้ำที่มีใช้สำหรับการผลิตน้ำประปาเพื่อใช้สำหรับอุปโภคบริโภค เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ก็เริ่มลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว และเชื่อว่า หากฝนไม่ตกลงมาภายใน 1 เดือนข้างหน้า น้ำที่มีอยู่ก็จะแห้งขอด ประชาชนก็จะได้รับความเดือดร้อนกันอย่างแน่นอน

แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของเทศบาล ให้นำรถบรรทุกน้ำที่มีอยู่ 1 คัน ไปบรรทุกน้ำประปาจากการประปาส่วนภูมิภาคอำเภออู่ทอง จ.สุพรรณบุรี วันละ 5 เที่ยว เพื่อนำมาช่วยเหลือประชาชนอีกทางหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ อีกทั้งค่าใช้จ่ายสำหรับนำรถบรรทุกเดินทางไปรับน้ำประปานั้นค่อนข้างสูง งบประมาณที่ทางเทศบาลมีอยู่คงจะไม่เพียงพอ

ดังนั้น จึงให้เจ้าหน้าที่ทำหนังสือถึงจังหวัดเพื่อของบฉุกเฉินนำมาสนับสนุนค่าใช้จ่ายอีกทางหนึ่งด้วย แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับงบประมาณดังกล่าวแต่อย่างใด ตนจึงได้ขอร้องให้ประชาชนในพื้นที่ช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

“สำหรับพืชไร่ที่ชาวบ้านปลูกไว้ในส่วนที่เสียหายก็ต้องปล่อยให้เสียหายไป เพราะจำเป็นต้องรอให้ฝนตกลงมาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สำหรับการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นนั้น ตนได้ทำหนังสือถึงเจ้าหน้าที่ฐานปฏิบัติการฝนหลวงที่ตั้งอยู่ที่กองบิน ค่ายสุรสีห์ เพื่อให้มาทำฝนหลวงช่วยเหลือชาวบ้านแล้ว” นายอนุชา กล่าว

ด้าน นางลออ นิ่มอนงค์ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 7 ต.หนองโสน อ.เลาขวัญ กล่าวว่า ตนมีอาชีพทำไร่ ปัจจุบันปลูกมันสำปะหลังไว้ 22 ไร่ ขณะนี้ไร่มันที่ปลูกไว้ลำต้นไม่ยอมโต และกำลังจะแห้งตาย เนื่องจากหลายเดือนที่ผ่านมาไม่มีฝกตกลงมาเลย อีกทั้งเพลี้ยไฟ หรือเพลี้ยกระโดดก็ได้ระบาดกัดกินมันสำปะหลังเสียหายเกือบทั้งหมด

“ส่วนน้ำที่ใช้ในการอุปโภคบริโภคต้องอาศัยน้ำประปาหมู่บ้านที่มีอยู่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น เท่าที่ทราบบ่อน้ำที่ใช้ผลิตน้ำประปาก็กำลังจะแห้งขอดลง ฉันจึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะทางจังหวัดให้ลงมาดูแล และหาวิธีช่วยเหลือชาวบ้านอย่างพวกเราด้วย” นางลออ กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น