ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “เป็ดเหลิม” เดินสายมอบนโยบายปราบยาเสพติดตำรวจภาค 3 ที่โคราช สั่งตั้ง “กอง บก.ส่วนหน้า” สกัดกั้นการทะลักของยาเสพติดตามแนวชายแดนพื้นที่เสี่ยง 2 จังหวัด “อำนาจเจริญ-อุบลฯ” ย้ำเน้น 3 ยุทธศาสตร์ “ลดผลิต-ลดความต้องการ-ลดกลุ่มเสี่ยง” โว มีไอเดียส่งตำรวจเข้าไปเป็นสายลับแทรกซึมหาข่าวอยู่ในต่างประเทศแหล่งผลิตยาเสพติดส่งเข้าไทย ชี้ เป็นการแก้ปัญหาต้นเหตุทำให้การปราบปรามมีประสิทธิภาพมากขึ้น
วันนี้ (25 มี.ค.) ที่โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส อ.เมือง จ.นครราชสีมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการศูนย์พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติดแห่งชาติ เดินทางมามอบนโยบายการปราบปรามยาเสพติด ให้ตำรวจ 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง สังกัดกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 โดยมี พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) และ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย (พท.) ให้การต้อนรับ มีนายตำรวจระดับหัวหน้าสถานี เข้ารับมอบนโยบายในครั้งนี้กว่า 300 นาย
ทั้งนี้ ที่บริเวณหน้าห้องประชุมได้มีการนำของกลางยาเสพติด (ยาบ้า) จำนวน 112,000 เม็ด ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ ทำการจับกุมได้เมื่อเวลา 23.00 น.ของวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยไม่มีผู้ต้องหา มาให้ ร.ต.อ.เฉลิม แถลงข่าว แต่ ร.ต.อ.เฉลิม เพียงแต่มายืนดูและไม่ได้แถลงข่าวแต่อย่างใด
พร้อมกันนี้ได้มีกลุ่มข้าราชการตำรวจชั้นประทวนกว่า 100 นาย โดยการนำของ ด.ต.ปฏิพัทธ์ ขันติพงษ์ ตำรวจชั้นประทวนคุณวุฒิปริญญาโท และตำรวจท่องเที่ยว นำโดย ด.ต.อุทัย หวังช่วยกลาง ซึ่งเป็นตำรวจอบรมพิเศษระหว่างการรอแต่งตั้งยศ ร้อยตำรวจตรี (ร.ต.ต.) ได้เป็นตัวแทนมอบช่อดอกไม้ และผัดหมี่โคราชสำเร็จรูป รวมทั้งของฝากให้เพื่อเป็นกำลังใจและขอบคุณที่สนับสนุนผลักดันให้ข้าราชการตำรวจชั้นประทวนได้มีโอกาสเลื่อนชั้นยศเป็น “ร.ต.ต.”
ร.ต.อ.เฉลิม ได้กล่าวขอบคุณพร้อมรับปากว่า ในวันที่ข้าราชการตำรวจอบรมสำเร็จพร้อมกันหลายหมื่นนาย ตนจะจัดพิธีฉลองยศ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน กรุงเทพฯ โดยให้ตำรวจทุกนายแต่งชุดสีขาวเต็มยศ และจะเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่ว่างเว้นไปช่วยประดับยศ และร่วมกันร้องเพลงมาร์ชตำรวจให้กระหึ่มกึกก้อง คาดว่าจะจัดขึ้นในเดือน พ.ค.นี้
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังมอบนโยบาย ว่า การประชุมในครั้งนี้ได้กำชับให้ตำรวจภูธรภาค 3 ได้เพิ่มมาตรการในการสกัดกั้นยาเสพติดตามแนวชายแดน เพราะขณะนี้ได้มีการเข้มงวดในพื้นที่ภาคเหนือ ทำให้มีการทะลักของยาเสพติดมาทางพื้นที่ชายแดนภาคอีสาน ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนได้มอบนโยบายให้ตำรวจภูธรภาค 4 ไปแล้ววันนี้จึงเดินทางมาตำรวจภูธรภาค 3 นโยบายของรัฐบาลคือสกัดตามแนวชายแดนให้ได้ ปิดชายแดนให้ได้ เมื่อนำเข้ามาไม่ได้การแพร่ระบาดก็จะไม่เกิดขึ้น ซึ่งก่อนที่จะนำเข้ามาต้องมีสารตั้งต้น ตนพยายามคิดกับตำรวจ และคิดว่า วันนี้เราเดินทางถูกทางแล้ว
“โดยในพื้นที่ตำรวจภาค 3 มีการทะลักเข้ามาของยาเสพติดตามแนวชายแดนด้าน อ.ชานุมาน จ.อำนาจเจริญ และ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรภาค 3 ไปตั้งกองบัญชาการส่วนหน้า (กอง บก.ส่วนหน้า) เสริมกำลังตรงนั้นให้เต็มแทนที่จะมาดักจับปลายทางปัญหาจะต้องแก้ที่ต้นเหตุ มาแก้ที่ปลายเหตุก็ไม่สำเร็จ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ยอมรับว่า หนักใจกับปัญหายาซูโดอีเฟดรีน ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของยาเสพติด เพราะการดำเนินการเป็นคนละกระทรวงไม่ได้อยู่ในอำนาจของเรา แต่ไม่เป็นไรถือว่าอยู่ในรัฐบาลเดียวกัน เมื่อรู้ว่าออกมาจากจุดใดเราก็กดดัน เมื่อถูกกดดันก็ไม่สามารถทำได้ เมื่อทำหรือผลิตยาไม่ได้ก็ไม่มียาเข้ามาในประเทศเรา
ฉะนั้น รัฐบาลจึงพยายาม เน้นยุทธศาสตร์ 3 อย่าง คือ 1.ลดการผลิต เช่น การสกัดกั้นแหล่งผลิตตามแนวชายแดน เพื่อไม่ให้ทะลักเข้ามาได้ 2.ลดความต้องการในตลาด และ 3.ลดกลุ่มเสียง กลุ่มเสพลงให้ได้ ซึ่งในยุทธการหลักก็มีการกำหนด 6 ยุทธศาสตร์รอง รองรับด้วย คือ ยุทธศาสตร์ความร่วมมือริมฝั่งโขง, ยุทธศาสตร์ปิดกันยาเสพติดพื้นที่ชายแดน, ยุทธศาสตร์การปราบปรามยาเสพติดตัดวงจรผู้ต้องหาในเรือนจำ, ยุทธศาสตร์จัดระเบียบสังคม เพื่อลดกลุ่มเสี่ยง, ยุทธศาสตร์หมู่บ้าน-ชุมชนเอาชนะยาเสพติด และ ยุทธศาสตร์คืนลูกหลานสู่สังคม ด้วยการบำบัดรักษา ตั้งเป้าปีนี้ 400,000 ราย ขณะนี้ได้แล้ว 120,000 ราย
“ผมมีความคิดที่จะส่งตำรวจที่มีหน้าที่ในการปราบปรามยาเสพติดไปฝั่งตัวเป็นสายลับอยู่ในต่างประเทศ โดยเฉพาะจุดที่มีการผลิตยาเสพติดส่งเข้ามาในประเทศไทยเพื่อสืบสวนหาข่าว ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุจะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานปราบปรามยาเสพติดได้ผลมากยิ่งขึ้นด้วย” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว