นครปฐม - ปภ.นครปฐม จัดโครงการ “ประชาร่วมใจ ป้องกันภัยน้ำท่วม” เนื่องในวัน อปพร.ระดมกำลัง อปพร.ออกทำกิจกรรมปรับปรุงซ่อมแซมสาธารณสมบัติ สาธารณประโยชน์ ทำความสะอาดขุดลอกคูคลอง กำจัดวัชพืช และซ่อมแซมพื้นที่สาธารณะ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในการป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยปี 55
วันนี้ (22 มี.ค.) ร.ต.พงศธร ศิริสาคร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนกลางได้กำหนดให้วันที่ 22 มีนาคมของทุกปีเป็น “วัน อปพร.” เพื่อเชิดชูความสำคัญของ อปพร.ให้ปรากฏแก่ประชาชนโดยทั่วไป อันจะเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และ อปพร.รวมทั้งประชาชนได้สำนึกถึงความเสียสละ ความสมานฉันท์ ความรัก ความผูกพัน ความสามัคคี และความรับผิดชอบต่อสังคม ในการปฏิบัติงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเพื่อประเทศชาติต่อไป จังหวัดนครปฐม
โดยศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจังหวัดนครปฐม จึงได้จัดงานเนื่องในวัน “อปพร.” และ “โครงการประชาร่วมใจ ป้องกันภัยน้ำท่วม” ขึ้นในวันที่ 22 มี.ค.55 ณ สนามกีฬาเทศบาลนครนครปฐม (พระราชวังสนามจันทร์) อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โดยเวลา 09.00 น.มีการเดินขบวนกิจกรรมเทิดไท้องค์ราชัน จากองค์พระปฐมเจดีย์ไปตามเส้นทางถนนต้นสน แล้วเลี้ยวซ้ายสี่แยกไฟแดง (กังบ๊วย) ตรงเข้าบริเวณพระราชวังสนามจันทร์ ผ่านหน้าพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 ทำความเคารพเสร็จแล้วจึงเข้าสู่สนามกีฬาดังกล่าว
ต่อมาเวลา 11.00 น.นายนิมิต จันทน์วิมล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ประธานเปิดการเดินสวนสนาม อปพร.จำนวน 700 คน และมอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่ อปพร.ดีเด่นประจำปี 2555 จังหวัดนครปฐม จำนวน 2 ราย พร้อมทั้งให้โอวาท จากนั้น อปพร.กล่าวคำปฏิญาณ
เวลา 13.00 น.สมาชิก อปพร.ได้ร่วมกันทำกิจกรรม “โครงการประชาร่วมใจ ป้องกันภัยน้ำท่วม” ซึ่งเป็นกิจกรรมปรับปรุงซ่อมแซมสาธารณสมบัติ และสาธารณประโยชน์ต่างๆ ทำความสะอาดขุดลอกคูคลอง กำจัดวัชพืชและซ่อมแซมพื้นที่สาธารณะในบริเวณเขตพื้นที่ อบต.ธรรมศาสา อำเภอเมืองนครปฐม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในการป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัย ตลอดจนจะทำให้การระบายน้ำส่วนเกินลงสู่ทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับโครงการ “ประชาร่วมใจ ป้องกันภัยน้ำท่วม” เป็นความนโยบายของรัฐบาลที่จะให้จังหวัดในเขตปริมณฑล จำนวน 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรปราการ และ สมุทรสาคร สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย ในการร่วมมือ ร่วมใจ และรวมพลังประชาชน อาสาสมัคร นักเรียน นักศึกษา และจากทุกภาคส่วนในพื้นให้เข้ามามีส่วนร่วมที่จะทำให้สังคมเกิดพลังความสามัคคีอันยิ่งใหญ่ ในการรับมือกับอุทกภัยอย่างได้ผล ด้วยการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าเพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ชุมชนทางเศรษฐกิจและสังคม ด้วยการทำความสะอาด คู คลอง กำจัดผักตบชวา ฯลฯ
ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงผลงานให้เป็นเครือข่ายการระบายน้ำของจังหวัดต่างๆ ในลุ่มน้ำ ซึ่งจะสามารถทำให้การระบายน้ำที่ส่วนเกินลงสู่ทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และสืบเนื่องมาจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ถึงธันวาคม 2554 มีจังหวัดได้รับผลกระทบถึง 64 จังหวัด รวมทั้งจังหวัดนครปฐม มีผู้ประสบความเดือดร้อนถึง 13.59 ล้านคน มีผู้เสียชีวิต 815 คน ธนาคารโลกได้ประเมินมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 4 ของโลก
รวมทั้งได้นำสิ่งปฏิกูลที่ไม่พึงประสงค์มาสู่ชุมชน อาคารสถานที่ราชการ สาธารณะสถาน โบราณสถาน แม่น้ำ คู คลอง และท่อระบายน้ำ จำนวนมหาศาล ซึ่งภายหลังน้ำลด ประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้นำของใช้ที่รับความเสียหายในรูปขยะมาทิ้งในพื้นที่สาธารณะ คู คลอง ท้องถนน จำนวนมาก สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างปัญหาระบบการระบายน้ำของชุมชน ตำบล อำเภอ และจังหวัด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน หรือกรณีที่มีพายุหมุนเขตร้อนพัดผ่านประเทศไทย
วันนี้ (22 มี.ค.) ร.ต.พงศธร ศิริสาคร หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า ศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนกลางได้กำหนดให้วันที่ 22 มีนาคมของทุกปีเป็น “วัน อปพร.” เพื่อเชิดชูความสำคัญของ อปพร.ให้ปรากฏแก่ประชาชนโดยทั่วไป อันจะเป็นเครื่องเตือนใจให้ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง และ อปพร.รวมทั้งประชาชนได้สำนึกถึงความเสียสละ ความสมานฉันท์ ความรัก ความผูกพัน ความสามัคคี และความรับผิดชอบต่อสังคม ในการปฏิบัติงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนเพื่อประเทศชาติต่อไป จังหวัดนครปฐม
โดยศูนย์อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนจังหวัดนครปฐม จึงได้จัดงานเนื่องในวัน “อปพร.” และ “โครงการประชาร่วมใจ ป้องกันภัยน้ำท่วม” ขึ้นในวันที่ 22 มี.ค.55 ณ สนามกีฬาเทศบาลนครนครปฐม (พระราชวังสนามจันทร์) อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โดยเวลา 09.00 น.มีการเดินขบวนกิจกรรมเทิดไท้องค์ราชัน จากองค์พระปฐมเจดีย์ไปตามเส้นทางถนนต้นสน แล้วเลี้ยวซ้ายสี่แยกไฟแดง (กังบ๊วย) ตรงเข้าบริเวณพระราชวังสนามจันทร์ ผ่านหน้าพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 ทำความเคารพเสร็จแล้วจึงเข้าสู่สนามกีฬาดังกล่าว
ต่อมาเวลา 11.00 น.นายนิมิต จันทน์วิมล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ประธานเปิดการเดินสวนสนาม อปพร.จำนวน 700 คน และมอบรางวัลเชิดชูเกียรติแก่ อปพร.ดีเด่นประจำปี 2555 จังหวัดนครปฐม จำนวน 2 ราย พร้อมทั้งให้โอวาท จากนั้น อปพร.กล่าวคำปฏิญาณ
เวลา 13.00 น.สมาชิก อปพร.ได้ร่วมกันทำกิจกรรม “โครงการประชาร่วมใจ ป้องกันภัยน้ำท่วม” ซึ่งเป็นกิจกรรมปรับปรุงซ่อมแซมสาธารณสมบัติ และสาธารณประโยชน์ต่างๆ ทำความสะอาดขุดลอกคูคลอง กำจัดวัชพืชและซ่อมแซมพื้นที่สาธารณะในบริเวณเขตพื้นที่ อบต.ธรรมศาสา อำเภอเมืองนครปฐม เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในการป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัย ตลอดจนจะทำให้การระบายน้ำส่วนเกินลงสู่ทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับโครงการ “ประชาร่วมใจ ป้องกันภัยน้ำท่วม” เป็นความนโยบายของรัฐบาลที่จะให้จังหวัดในเขตปริมณฑล จำนวน 5 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรปราการ และ สมุทรสาคร สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย ในการร่วมมือ ร่วมใจ และรวมพลังประชาชน อาสาสมัคร นักเรียน นักศึกษา และจากทุกภาคส่วนในพื้นให้เข้ามามีส่วนร่วมที่จะทำให้สังคมเกิดพลังความสามัคคีอันยิ่งใหญ่ ในการรับมือกับอุทกภัยอย่างได้ผล ด้วยการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าเพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่ชุมชนทางเศรษฐกิจและสังคม ด้วยการทำความสะอาด คู คลอง กำจัดผักตบชวา ฯลฯ
ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงผลงานให้เป็นเครือข่ายการระบายน้ำของจังหวัดต่างๆ ในลุ่มน้ำ ซึ่งจะสามารถทำให้การระบายน้ำที่ส่วนเกินลงสู่ทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และสืบเนื่องมาจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ถึงธันวาคม 2554 มีจังหวัดได้รับผลกระทบถึง 64 จังหวัด รวมทั้งจังหวัดนครปฐม มีผู้ประสบความเดือดร้อนถึง 13.59 ล้านคน มีผู้เสียชีวิต 815 คน ธนาคารโลกได้ประเมินมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงเป็นอันดับที่ 4 ของโลก
รวมทั้งได้นำสิ่งปฏิกูลที่ไม่พึงประสงค์มาสู่ชุมชน อาคารสถานที่ราชการ สาธารณะสถาน โบราณสถาน แม่น้ำ คู คลอง และท่อระบายน้ำ จำนวนมหาศาล ซึ่งภายหลังน้ำลด ประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมได้นำของใช้ที่รับความเสียหายในรูปขยะมาทิ้งในพื้นที่สาธารณะ คู คลอง ท้องถนน จำนวนมาก สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างปัญหาระบบการระบายน้ำของชุมชน ตำบล อำเภอ และจังหวัด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน หรือกรณีที่มีพายุหมุนเขตร้อนพัดผ่านประเทศไทย