จันทบุรี - สภาพอากาศที่แปรปรวนในจันทยุรี ส่งผลให้ “มังคุด” ราชินีแห่งผลไม้เมืองจันท์ ประสบปัญหาติดดอกออกผลไม่ถึง 20% และล่าช้าไม่เป็นไปตามฤดูกาล ทำให้ปริมาณผลผลิตโดยรวมในตลาดจะน้อยส่งผลให้ราคาสูงขึ้นตามไปด้วย
นายธีระ วงษ์เจริญ ประธานเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ จ.จันทบุรี กล่าวถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนว่า อุณหภูมิแตกต่างกันมากระหว่างกลางวันกับกลางคืนส่งผลให้ต้นมังคุด ผลไม้ที่ได้รับการขึ้นชื่อว่าเป็นราชินีแห่งไม้ผล ซ้ำยังเป็นพืชเศรษฐกิจของจังหวัดจันทบุรี โดยในปีนี้พบว่ามังคุดกลับมีการการติดดอกออกผล มีเพียงไม่ถึง 20% ที่ออกดอก และล่าช้าไม่เป็นไปตามฤดูกาล
โดยปกติมังคุดจะเริ่มผลิดอกช่วงเดือนธันวาคม ถึงต้นเดือนมกราคม ขายได้กลางเดือนเมษายน ราคาในช่วงแรกตกถึงกิโลกรัมละ 250 บาท และจะมีราคาต่ำสุดในช่วงใกล้หมดฤดูเหลือเพียงกิโลกรัมละ 12 บาท
โดยเฉพาะมังคุดที่มีการกำหนดขนาดและต้องเป็นผิวมัน ที่เป็นตัวเพิ่มต้นทุน ในปีนี้พ่อค้าคนกลางในรายที่ทำการค้าในตลาดล่วงหน้าเอาไว้ จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากแนวโน้มผลผลิตน้อยกว่าเดิมและเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ล่าช้า แต่ชาวสวนทั่วไปที่ผลิตแบบต้นทุนต่ำจะเป็นผลดี เพราะปริมาณผลผลิตโดยรวมในตลาดจะน้อยส่งผลให้ราคาสูงขึ้นตามไปด้วย
นายธีระ กล่าวว่า สาเหตุเกิดจากสภาพอากาศเย็น โดยปกติอากาศเย็นเป็นผลดีต่อการติดดอกออกผลของมังคุด แต่จากการเปลี่ยนแปลงของโลก ทำให้อากาศช่วงที่ผ่านมา เกิดหนาวเย็นค่อนข้างมากใช่วงกลางคืน แต่กลับร้อนจัดช่วงกลางวัน อุณหภูมิที่พลิกผันแตกต่างกันไม่ต่ำกว่า 10 องศา ทำให้ตาดอกที่แทงออกมาก่อนหน้านี้กลายเป็นใบอ่อนแทน หรือเกิดอาการไหม้ ส่วนดอกที่เริ่มออกในช่วงนี้จะมีจำนวนไม่มากทำให้ผลผลิตลดน้อยกว่าเดิมถึง 80%
นอกจากนี้ ผลผลิตที่เพิ่งออกดอกในช่วงนี้จะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ช่วงฤดูฝน เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ก็ต้องเจอปัญหาเนื้อแก้ว ยางไหล ลูกแตก เพราะถูกน้ำฝนมาก คุณภาพผลผลิตจึงต่ำ แต่ชาวสวน ที่ผลิตในแนวทางเกษตรอินทรีย์ จะได้รับประโยชน์ เพราะมีต้นทุนต่ำ แต่ขายได้ราคาสูงกว่าปกติ