พิษณุโลก - คนบางระกำ โวยถูกหลอกร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ขุดลอกบึงระมาณ ตามโครงการ “บางระกำโมเดล” ส.ส.นิยม-เพื่อไทย ลั่นไม่ใช่ประชาพิจารณ์ แค่พูดคุย ยินดีแก้ปัญหาทั้ง 33 รายที่ถูก “บึงระมาณ” ทับที่ทำกิน ขณะที่ ส.ส.ปชป.ไม่มั่นใจ บึงระมาณแก้น้ำท่วมบางระกำได้หรือไม่
วันนี้ (19 มี.ค.) ที่ศาลากลางเปรียญวัดปลักแรด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ประชาชนจาก 10 หมู่บ้าน รวมประมาณ 500 คน เดินทางไปที่วัดปลักแรด หลังจากได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เรียกประชุมเพื่อลงมติสร้างบึงระมาณ โดยมีนายกเทศบาลตำบลบึงระมาณ และเทศบาลตำบลปลักแรด เป็นเจ้าภาพจัดงานเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในการขุดลอกบึงระมาณ ตามโครงการ “บางระกำโมเดล” ครั้งนี้ พร้อมเชิญเจ้าหน้าที่ชลประทานจังหวัดพิษณุโลกและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
โดยก่อนหน้านี้ มีชาวบ้านบางระกำประมาณ 30 คน เดินทางไปร้องผู้ว่าฯ และเตรียมตัวยื่นหนังสือฟ้องศาลปกครองพิษณุโลก ว่า ที่นาของชาวบ้าน ซึ่งมีเอกสารสิทธิ ส.ค.1 และ น.ส.3 ก.แต่กลับมีหนังสือสำคัญที่หลวง (นสล.) บึงระมาณ จำนวน 3 พันไร่ ครอบทับอยู่ ทั้งที่ชาวบ้านทำกินมานานนับสิบๆ ปีแล้ว
นายอัศวิน นิลเต่า ส.อบจ.เขตบางระกำ กล่าวบนเวทีว่า การสร้างแก้มลิงบึงระมาณตามโครงการของรัฐบาล นับว่า เป็นเรื่องดีของคนบางระกำ จะช่วยให้คนในพื้นที่อยู่ดีมีสุข เดิมที ก่อนสร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ก็มีปัญหากระทบวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ แต่ ณ วันนี้ เขื่อนป่าสัก กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ชาวบ้านมีรายได้จับปลาวันละเป็นพันบาท ส่วนบึงสีไฟ ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดพิจิตร ดังนั้นคนบางระกำน่าจะเห็นด้วยกับโครงการขุดลอกบึงระมาณ
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุม กลับไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้ พร้อมกับโต้แย้งในหลายประเด็น เช่น นางประทุม พัฒนาแหวง หมู่ 7 ต.ปลักแรด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ตนเดินทางมารับฟัง เพราะผู้ใหญ่บ้านประกาศว่าให้มาร่วมประชุมกับผู้ราชการจังหวัดพิษณุโลก เกี่ยวกับแก้มลิงบึงระมาณ แต่ตนไม่เซ็นชื่อใดๆ ทั้งนั้น ในส่วนตัวตนไม่มั่นใจภาครัฐว่า จะเอาที่นาของตนคืนหรือไม่ เพราะตนทำนาอยู่ 15 ไร่ มีเอกสารสิทธิ ส.ค.1 แต่ชลประทานเตรียมขุดลอกบึงระมาณในพื้นที่นาของตน และตนทราบว่า เทศบาลตำบลบึงระมาณ มีคดีความ ถูกชาวบ้านฟ้องที่ศาลจังหวัดพิษณุโลก กรณีขุดลอกที่ดินทับที่ชาวบ้าน นัดไต่สวน เช้าวันที่ 29 มีนาคม 2555
และบางรายก็ถามกลางวงประชุม ว่า ต้องถามคนพูดว่า กินข้าวหรือเปล่า ถ้าตนไม่มีที่ดินทำนา แล้วพวกเขาจะเอาข้าวที่ไหนกิน และถ้าตนไม่มีอาชีพทำนาแล้วจะเอาเงินที่ไหนไปเที่ยว กรณีน้ำเหนือหลาก มาแล้วก็ไป ดีกว่า ถ้าเก็บน้ำไว้ทั้งหมด แล้วจะเอาที่ดินไหนทำนา
“ฉันเป็นคนไทย เกิดมาบนท้องนา นอนร้องไห้ทุกคืน เมื่อทราบว่าหลวงจะเอาที่นาคืน ลูกกำลังเรียนหนังสือ ไม่รู้ว่าจะทำงานหาเงินเลี้ยงลูกอย่างไร วันนี้ ยังไม่รู้เลยว่า หลวงจะเยียวยาอย่างไรกับพื้นที่รอบบึงระมาณ” ชาวบ้านบางระกำโวยต่อหน้าที่ประชุม
นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า งบประมาณ 339 ล้านบาทเตรียมพัฒนาทั้ง 3 บึงในพื้นที่บางระกำ ปัญหาที่เกิดขึ้น กรณีหนังสือสำคัญที่หลวง 3 พันไร่ทับที่ชาวบ้าน จะต้องแก้ไขเร่งด่วน คือ 1.เว้นไว้ก่อน ในพื้นที่ที่มีปัญหา 2.เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ 3.ต้องพูดคุยเจรจากับผู้ที่ได้ผลกระทบ
นายนิยม บอกว่า ไม่เห็นด้วยกับการประชุมวันนี้ คือ การเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในการขุดลอกบึงระมาณตามโครงการบางระกำโมเดล ขอให้การประชุมครั้งนี้เป็นการพูดคุยจะดีว่า สำหรับผู้ที่เดือดร้อนจำนวน 33 คน ขอให้หน่วยราชการและเกษตรอำเภอ รวบรวมผู้ได้รับผลกระทบจากที่หลวงทับที่ทำกินเพื่อได้รับการชดเชยต่อไป
“ผมไม่เข้าใจ งบประมาณพันล้านบาทเตรียมลงพื้นที่บางระกำ แต่ถ้าผมมีที่นาอยู่ 20 ไร่ มีลูกกำลังเรียนอยู่ 2 คน ผมก็รับไม่ได้เช่นกัน ถ้าผมจะไม่มีที่ดินทำนา ทั้งๆ ที่นาของผมก็ทำกินมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ เรื่องนี้ ผมจะต้องหาทางออกช่วยชาวบ้านบางระกำ” นายนิยม กล่าว
ด้าน นายวรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ชาวบ้านบางระกำที่ทำกินในเขตบึงระมาณ พ.ศ.2462 แต่กำลังจะถูกรัฐเอาที่ดินไปทำเป็นบึง ในส่วนตัวคิดว่า ขุดบึงระมาณแล้ว น้ำจะท่วมหรือไม่ ตนไม่ขอออกความเห็น แต่ขอให้คนบางระกำยึดเอาผลประโยชน์ส่วนร่วมเป็นที่ตั้ง
“กลุ่มนักการเมืองเดี๋ยวมาเดี๋ยวก็ไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ชาวบ้านบางระกำที่มีที่ทำนาอยู่ในเขตบึงระมาณ แลังยังมีข้อร้องเรียนต่อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในที่ประชุมอีกว่า ผลผลผลิตข้าวเปลือกที่ปลูกรอบบึงระมาณ ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการรับจำนำอีกด้วย เช่นเดียวกับที่ดินมีเอกสารสิทธิ น.ส.3 และ ส.ค.1 ไม่สามารถออกโฉนดได้ เพราะทางอำเภออ้างว่าอยู่ในเขตบึงระมาณ