ศูนย์ข่าวศรีราชา - คณะกรรมการผู้นำหน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมท้องถิ่น ภาคตะวันออก เลือกจังหวัดชลบุรีเป็นสถานที่จัดการประชุมผู้นำ และผู้แทนหน่วยอนุรักษ์ภาคตะวันออก 11 จังหวัด หวังสานต่อนโยบายให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
วันนี้ (16 มี.ค.) นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ได้เป็นประธานการประชุมผู้นำหน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมท้องถิ่น ภาคตะวันออก ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องสัมมนาริมบึง 1 สวนนงนุชพัทยา โดยมีผู้อำนวยการกองอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมท้องถิ่น ประธานเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติฯภาคตะวันออก ผู้นำหน่วยอนุรักษ์ฯ ประจำจังหวัด และสมาชิกเครือข่ายหน่วยอนุรักษ์ เข้าร่วม
รองศาสตราจารย์ นันทนีย์ กมลศิริพิชัยพร ในฐานนะประธานเครือข่ายหน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ภาคตะวันออก กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรมตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม และวันที่ 28 สิงหาคม 2527
โดยให้มีหน่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมศิลปกรรมท้องถิ่น เฉพาะในส่วนภูมิภาค รวม 75 จังหวัด ใน 5 ภาค มีหน้าที่สนับสนุนประสานงานทางวิชาการ สำรวจ ตรวจสอบ และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมแหล่งธรรมชาติและศิลปกรรมในพื้นที่รับผิดชอบ
ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงาน และในปีงบประมาณ 2555 ได้จัดสรรงบประมาณในการจัดประชุมเครือข่ายรวม 5 ภาค เพื่อชี้แจงแนวทางการดำเนินงานของหน่วยอนุรักษ์ หลังมีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายหน่วยอนุรักษ์ฯทั่วประเทศ ทั้งนี้เพื่อให้เครือข่ายฯ ได้นำไปปฏิบัติให้ถูกต้องตามนโยบายต่อไป
สำหรับการประชุมสัมมนาในครั้งนี้ คณะกรรมการได้พิจารณาเลือกจังหวัดชลบุรีเป็นสถานที่จัดการประชุมผู้นำ และผู้แทนหน่วยอนุรักษ์ภาคตะวันออกทั้งสิ้น 11 จังหวัด รวม 42 คน
ด้าน นายพงษ์ศักดิ์ ปรีชาวิทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า ปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม เป็นปัญหาที่มีความสำคัญที่มักจะเกิดควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจ และความเจริญก้าวหน้า ซึ่งเป็นปัญหาร่วมกันของทุกประเทศ กล่าวคือ การพัฒนายิ่งรุดหน้า ปัญหาคุณภาพสิ่งแวดล้อมและภาวะมลพิษก็ยิ่งก่อตัวและทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งการดำเนินงานของหน่วยอนุรักษ์ฯ ด้านการรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อม
และการอนุรักษ์สืบทอดแหละศิลปกรรม จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องอาศัยกำลังใจ ความสมัครสมานของบุคคลทุกๆ ฝ่าย ที่สำคัญคือ การสร้างความตระหนักให้แก่คนไทยในฐานะเจ้าของประเทศ ที่จะธำรงรักษาทรัพยากรรมธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และแหล่งศิลปกรรมต่างๆ ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนถาวรต่อไป