ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- เยาวชนหญิงบ้านนารีสวัสดิ์โคราช 37 คน ก่อจลาจล ทำลายทรัพย์ เหตุไม่พอใจที่จะถูกย้ายไป จ.พิษณุโลก ด้าน ผอ. เผยกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นเด็กหญิงชาวไทยใหญ่สัญชาติพม่า มาพักและฝึกอาชีพได้ 3 เดือน ก่อนมีคำสั่งให้ย้าย ตำรวจระดมกำลังสลาย รวบเยาวชนกลุ่มก่อเหตุไปแยกควบคุมตัวที่ สภ.เมืองนครราชสีมา
เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 14 มี.ค. เกิดเหตุเยาวชนหญิงในสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์ ถ.สุรนารายณ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ก่อเหตุจลาจลขึ้นภายในเรือนนอน เนื่องจากไม่พอใจที่จะถูกย้ายไปอยู่ที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จังหวัดพิษณุโลก
กลุ่มเยาวชนหญิงที่ก่อเหตุเป็นเด็กหญิงอายุระหว่าง 14-18 ปี ชาวไทยใหญ่สัญชาติพม่ารวม 37 คน ซึ่งถูกส่งตัวมาจาก จ.จันทบุรีมาพักและฝึกอาชีพที่บ้านนารีสวัสดิ์จังหวัดนครราชสีมาเมื่อ 3 เดือนก่อน ซึ่งได้ก่อเหตุใช้ไม้ทุบทำลายประตูและทรัพย์สินภายในเรือนนอนเสียหาย
นางวัลภา เดชากิจไพศาล ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์ กรมพัฒนาสังคม กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า เด็กหญิงทั้ง 37 คน เป็นชาวไทยใหญ่สัญชาติพม่าซึ่งหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยมาพักและฝึกอาชีพที่บ้านนารีสวัสดิ์ได้ประมาณ 3 เดือน และล่าสุด กรมฯ มีคำสั่งให้ย้ายเด็กทั้ง 37 คนไปที่ จ.พิษณุโลก เพื่อรอการผลักดันกลับประเทศ จึงเกิดความไม่พอใจ และก่อเหตุดังกล่าวขึ้นซึ่งเจ้าหน้าที่ของบ้านนารีสวัสดิ์ มีแต่ผู้หญิงควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ จึงขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาระงับเหตุ
ต่อมาเวลา 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา ได้นำกำลังเข้าเจรจากับกลุ่มผู้ก่อเหตุ และใช้กำลังปิดล้อมไว้จึงทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุสลายตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้แยกกลุ่มผู้ก่อเหตุออกจากเยาวชนหญิงกลุ่มอื่น โดยนำรถห้องขังมานำตัวเด็กหญิงทั้ง 37 คนแยกไปควบคุมที่ สภ.เมืองนครราชสีมา ซึ่งสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ
นางวัลภา กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินที่เสียหายจากการก่อเหตุของเยาวชนหญิงชาวไทยใหญ่เพื่อเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมาต่อไป
สำหรับสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพบ้านนารีสวัสดิ์ จังหวัดนครราชสีมา มีเยาวชนหญิงที่อยู่ในความดูแลอยู่ 106 คน โดยเป็นเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 18 ปีที่มีปัญหาทางสังคม เช่น การค้าประเวณี และลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายมาอยู่ในความดูแล โดยฝึกอาชีพให้แก่เยาวชนเพื่อส่งกลับคืนสู่สังคมต่อไป ส่วนเยาวชนหญิงชาวต่างชาติหากเสร็จสิ้นกระบวนการของไทยแล้วจะผลักดันกลับประเทศต่อไป
