จันทบุรี - ประชาชนจากทั่วสารทิศ แห่ดุศพกระดูกสีทอง ที่สำนักสงฆ์อำพวาวนาราม จังหวัดจันทบุรี ดูความ “อัศจรรย์ศพกระดูกสีทอง” และร่วมทำบุญซื้อโรงศพแก้วกันเป็นจำนวนมาก
หลังจากผู้สื่อข่าวนำเสนอความอัศจรรย์ของศพที่เหลือแต่กระดูกเป็นสีทอง ทั้งตัวของนายบุญส่ง น้ำมหาเจริญ อายุ 88 ปีไปนั้น ปรากฏว่า วันนี้ (14 มี.ค.) มีประชาชนจากทุกสารทิศ เดินทางโดยรถยนต์ รถส่วนตัว และรถตู้เข้ามากราบไหว้ และดูความอัศจรรย์ศพที่เหลือแต่กระดูกที่เป็นสีทองทั้งตัว ของ นายบุญส่ง น้ำมหาเจริญ อายุ 88 ปี ที่เป็นศิษย์หลวงพ่อลี และเป็นผู้ที่สร้างสำนักสงฆ์อำพวาวนารามนี้ขึ้นมา ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว 15 ปี
โดยญาติพี่น้องหลังการนำศพขึ้นมาแห่และเปิดโลงศพดูเมื่อวานนี้ (13 มี.ค.) และวันนี้ ญาติพี่น้องได้มีการนำศพที่เหลือแต่กระดูกที่เป็นสีทอง ของ นายบุญส่ง น้ำมหาเจริญ ที่ยังคงใส่โลงศพเดิมสีขาวขึ้นมาเก็บรักษาไว้ อยู่บนศาลาสำนักสงฆ์อำพวาวนาราม ตำบลคลองขุด อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี โดยเมื่อคืนได้มีการทำพิธีทางศาสนาในการสวดพระอภิธรรมศพของพระสงฆ์ไป
ล่าสุด วันนี้ มีประชาชนจากทุกสารทิศทยอยเดินทางมากราบไหว้ และทำบุญในการจัดซื้อโลงแก้ว รวมทั้งเข้ามาดูความ อัศจรรย์ศพ ที่เหลือแต่กระดูกที่เป็นสีทองทั้งตัวอย่างไม่ขาดสายทั้งเช้าและเย็น และล่าสุด ทางญาติพี่น้องของ นายบุญส่ง น้ำมหาเจริญ ได้มีการรวบรวมเงินของคนในครอบครัวและเงินที่ประชาชนจากทุกสารทิศที่บริจาคทำบุญช่วยในการจัดซื้อโลงแก้วที่ทาง ครอบครัวได้ตั้งใจไว้ ว่า จะทำให้กับผู้เสียชีวิต
โดยอีก 1-2 วันนี้ ทางญาติพี่น้องได้มีการปรึกษาหารือว่าจะมีการตั้งศพที่เหลือแต่กระดูกที่ เป็นสีทองของ นายบุญส่ง ไว้ที่สำนักสงฆ์อำพวาวนารามแห่งนี้ต่อไป และจะไม่มีการนำไปแต่อย่างใด แม้ผู้เสียชีวิตจะมีการสั่งญาติพี่น้องไว้ก่อนตายให้มีการนำศพไปเผาก็ตาม
ทั้งนี้ สาเหตุที่ญาติพี่น้องไม่ต้องการนำศพของนายบุญส่ง น้ำมหาเจริญ ไปเผานั้น เพื่อต้องการให้ประชาชน ศิษยานุศิษย์ หรือผู้ที่ศรัทธาได้เข้ามากราบไหว้ และได้ชมความอัศจรรย์ที่เหลือเชื่อ และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเป็นความอัศจรรย์ที่น่าทึ่ง เพราะเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับศพที่เหลือแต่กระดูกโดยทั่วไปจะเห็นความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ศพที่เหลือกระดูกทั่วไปจะมีสีขาว แต่ศพที่เหลือแต่กระดูกของ นายบุญส่ง น้ำมหาเจริญ จะเป็นศพสีทองโดยเกิดขึ้นมาเองไม่มีการแต่งเติมแต้มสีแต่อย่างใด
สำหรับศพของ นายบุญส่ง น้ำมหาเจริญ เดิมผู้เสียชีวิตเป็นคนใบ้ และเป็นศิษย์หลวงพ่อลี และเป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์ และสร้างสำนักสงฆ์อำพวาวนารามแห่งนี้ขึ้นมา รวมทั้งเป็นบุคคลที่หลวงพ่อลี บวชให้ หรือเรียกกันว่า ผู้ทรงศีลนุ่งขาวห่มขาว เนื่องจากผู้เสียชีวิตไม่สามารถที่จะบวชเป็นพระได้ เพราะเป็นใบ้ หลังบวชเป็นผู้ทรงศีลนุ่งขาวห่มขาวผู้เสียชีวิตก็ได้ปฏิบัติธรรมรักษาศีลมาโดยตลอด ต่อมาผู้เสียชีวิตได้สั่งเสียญาติพี่น้องหากตนเองตายให้นำศพที่ฝั่งอยู่ครบ 15 ปี ขึ้นมาเผาเสียดังกล่าว
พระพีรพัฒน์ สิริปัญโย เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์อำพวาวนาราม กล่าวว่า ตรงนี้ทางวัดไม่มีปัจจัยที่จะมาจัดสร้างโลงแก้ว รวมทั้งศาลาวัดก็เป็นระบบเปิด ทำให้ทางวัดต้องปิดไว้ หากญาติโยมจะเข้ามากราบไหว้ศพของนายบุญส่ง น้ำมหาเจริญ ก็จะต้องมาใช้กุญแจเปิด
ส่วนการที่ทางญาติของผู้เสียชีวิต จะมีการสั่งซื้อโลงแก้วจากกรุงเทพมหานครนั้น ตรงนี้ทางวัดไม่รู้ว่าญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตมีเงินพอที่จะซื้อโลงแก้วได้หรือไม่ และเห็นว่า ทางญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตยังขาดเงินตรงนี้อยู่
นายสอ น้ามหาเจริญ อายุ 61 ปี หลานชายของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า การที่นำกระดูกของ นายบุญส่ง น้ำมหาเจริญ มาเก็บรักษาที่สำนักสงฆ์อำพวาวนารามในครั้งนี้ ก็เพื่อรอเงินที่จะรวบรวมนำไปจัดซื้อโลงแก้ว ในปัจจุบันมีเงินเพียง 2 หมื่นกว่า ยังไม่พอที่จะซื้อโลงแก้วได้ ส่วนประชาชนที่จะเข้ามากราบไหว้ทางญาติจะเปิดให้ประชาชนเข้ามากราบไหว้ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น.ทุกวัน