เชียงราย - 1 ในแกนนำคนเสื้อแดง ลงทุนขี่นกกระจอกเทศในฟาร์มตัวเอง เปิดตัวลงสมัครชิงเก้าอี้นายกเล็กนครเชียงราย สวดส่ง ส.ส.เพื่อไทย ไม่ช่วย
วันนี้ (13 มี.ค.) ที่วนาฟาร์ม เลขที่ 9 ถนนเชียงราย-เทิง บ้านหัวดอย ม.6 ต.ท่าสาย อ.เมือง จ.เชียงราย นายวิทยา ตันติภูวนาท แกนนำกลุ่มคนเจียงฮายรักประชาธิปไตย เจ้าของกิจการวนาฟาร์ม ซึ่งเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่เคลื่อนไหวทางการเมืองมาโดยตลอด ได้แถลงข่าวเปิดตัวจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีนครเชียงราย ซึ่งจะหมดวาระลงในช่วงปลายเดือนนี้ และ กกต.กำหนดรับสมัคร 26 มี.ค.55 ในนามกลุ่มเพื่อไทยเชียงราย โดยการแถลงครั้งนี้มีนายสุกิจ สุวรรณประชา แกนนำ นปช.เชียงราย นายธนิต บุญญนสินีเกษม แกนนำกลุ่มพลังมวลชนเชียงราย เข้าร่วมด้วย
นายวิทยา กล่าวว่า ในฐานะที่ตนต่อสู้ทางการเมืองภาคประชาชนมาตั้งแต่ปี 2550 โดยเคลื่อนไหวกับกลุ่มคนเสื้อแดงในเวทีต่างๆ ทั้งในต่างจังหวัด และกรุงเทพฯ จนโดนดำเนินคดีช่วงเคลื่อนไหวมาแล้วร่วม 5 คดี จึงมีประสบการณ์ทางการเมือง และได้รู้เห็นการบริหารงานของนักการเมืองระดับชาติและท้องถิ่นแล้ว ว่า ไม่ใช่ที่พึ่งที่แท้จริงของคนเสื้อแดง เพราะช่วงที่ตนและพวกอีกหลายคนถูกดำเนินคดี ไม่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทย คนใดเข้าไปช่วยเหลือพวกเราเลย
เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวอื่นๆ พวก ส.ส.แทบไม่มีส่วนร่วม พวกตนต้องช่วยเหลือตัวเอง หรือผู้ที่ช่วยเหลือสนับสนุนค่าเดินทาง และอาหารก็เป็นอดีต ส.ส.ที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ชุดปัจจุบันทั้งสิ้น
ดังนั้น เมื่อหารือกันในหมู่คนเสื้อแดงจึงลงความเห็นว่า เราควรจะมีตัวแทนเข้าไปบริหารงานทางการเมืองด้วย โดยเริ่มต้นที่เทศบาลนครเชียงรายดังกล่าว
สำหรับนโยบาย คือ จะจัดสรรงบประมาณจากการจัดเก็บภาษีลงไปสู่ชุมชนต่างๆ เพื่อคืนสู่ประชาชน เพื่อที่ผ่านมา งบประมาณแทบไม่ลงสู่ชุมชนโดยตรง แต่ฝ่ายบริหารนำไปจัดงานกิจกรรมต่างๆ เอง ดังนั้น หากตนได้รับเลือกตั้งจะย่อยส่วนนโยบายสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อครั้งเป็นนายกรัฐมนตรี มาใช้ คือ กระจายเม็ดเงินลงสู่ชุมชนเพื่อกระจายอำนาจและการพัฒนาลงไป
ขณะเดียวกัน จะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว เพราะมีหลายแห่งในเขตเทศบาลที่สามารถพัฒนาได้ เช่น ชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ที่ห้วยปลากั้งซึ่งเป็นชาวอาข่าเป็นส่วนใหญ่ สามารถพัฒนาเป็นลานสาวกอด โล้ชิงช้า ฯลฯ การพัฒนาจะเป็นแบบระดับล่างขึ้นบนโดยกระจายอำนาจสู่ชุมชนมากกว่ากำหนดโดยผู้บริหารทั้งหมดเหมือนที่ผ่านๆ มา
“ตอนนี้ผมพร้อมแล้ว ประมาณ 70% สาเหตุที่ไม่มากกว่านี้ เพราะมีกลุ่มการเมืองอื่นที่ใหญ่ และพร้อมทางการเงินกว่าเขาไปบล็อกคนเด่นๆ ในแต่ละชุมชนหมด เช่น ประธานชุมชน อสม.ฯลฯ เมื่อเราจะเข้าไปเจาะฐานเสียงก็ทำไม่ได้จึงจะสอดแทรกไปทางคนเสื้อแดงที่เคยเคลื่อนไหวร่วมกันมา”
นายวิทยา บอกว่า ปัจจุบันจึงมีคนในกลุ่มที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) นครเชียงราย ในชุมชนต่างๆ แล้วประมาณ 10 กว่าคน และพวกเราจะส่งลงให้ครบทุกเขตต่อไป
นายวิทยา กล่าวอีกว่า กรณี นายสมพงษ์ กูลวงศ์ นายกเทศมนตรี คนปัจจุบัน ซึ่งมีภาพอยู่ในขั้วการเมืองพรรคเพื่อไทย ใกล้ชิดกับคนเสื้อแดงนั้น ตนคิดว่า นายสมพงษ์ จะลงสมัครในนามกลุ่มอาสาประชา ซึ่งไม่ใช่กลุ่มคนเสื้อแดง แต่กรณีคนเสื้อแดงที่แท้จริง คือ กลุ่มของตน เพราะคนเสื้อแดงจริงๆ คือ คนที่ออกมาต่อสู้อย่างแท้จริงมาตั้งแต่ต้น แต่ก็มีเสื้อแดงอึ่งอ่าง ที่ไม่ได้ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องใดๆ กับเขา แต่ก็จะมาแอบอ้างชื่อภายหลัง
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า หากได้รับเลือกตั้งก็จะกลายเป็นมิติใหม่ของวงการเมืองเชียงราย เพราะในอดีตมีเพียงกลุ่มการเมืองกลุ่มใหญ่ๆ ที่มีเงินทุนมหาศาลแข่งขันกัน ชาวบ้านธรรมดาที่มีอุดมการณ์ไม่สามารถลงสมัครได้ แต่ถ้าตนได้รับเลือกก็จะนำร่องไปสู่คนอื่นๆ ต่อไป เพราะเราไม่มีเงินทุนมากมายเหมือนกลุ่มการเมืองต่างๆ ดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับเทศบาลนครเชียงรายมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 50,000 คน มีทั้งหมด 62 ชุมชน และแบ่งเขตเลือกตั้งออกเป็น 4 เขต แต่ละเขตมี ส.ท.นครเชียงราย จำนวน 6 คน รวมสมาชิกทั้งหมด 24 คน ซึ่งที่ผ่านมาเทศบาลแห่งนี้ มีการแข่งขันกันทั้งการเลือกตั้งระดับนายกเทศมนตรี และ ส.ท.จากกลุ่มการเมืองใหญ่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มอาสาประชานำโดย นายสมพงษ์ กูลวงศ์ ที่อยู่ในขั้วของ นายสามารถ แก้วมีชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เชียงราย พรรคเพื่อไทย และกลุ่มวันชัยพัฒนา นำโดย นายวันชัย จงสุทธนามณี อดีตนายกเทศมนตรี หลายสมัยและล่าสุดลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เชียงราย เขต 1 ในนามพรรคภูมิใจไทย แต่แพ้ให้กับนายสามารถ
ทั้งนี้ 2 กลุ่มใหญ่ถือเป็นตัวเต็งโดยมีการขึ้นป้ายหาเสียงไปทั่วพื้นที่แล้ว และหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า จะแข่งขันกันหนักและมีสีสันมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีกลุ่มคนเสื้อแดง นำโดย นายวิทยา ลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย