อุบลราชธานี - รองผบช.ภ.3 สั่งตำรวจตามแนวชายแดนไทย-ลาว จับตาขบวนการค้ายาเสพติดภาคเหนือ ย้ายถิ่นใช้อีสานใต้เป็นแหล่งนำเข้าประเทศและส่งออกไปประเทศที่ 3 ระบุที่ผ่านมารัฐบาลให้ความสนใจปราบปรามอย่างจริงจัง เชื่อ สถานการณ์การแพร่ระบาดจะไม่รุนแรงไปกว่านี้ แต่ยอมรับสั่งกำลังพลจับตานักค้ายาเสพติดรายใหญ่ไว้แล้ว ขณะเดียวกันแถลงข่าวจับยาบ้าเกือบหมื่นเม็ด ยาไอซ์อีก 73 กรัม
เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (1 มี.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี พล.ต.ต.เดชา ชวยบุญชุม รองผบช.ภ.3 แถลงข่าวการจับกุมนักค้ายาบ้าและยาไอซ์ตามแนวชายแดนด้านจังหวัดอุบลราชธานี โดยชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองอุบลราชธานี สามารถสกัดจับนายจักรี เข็มสุข อายุ 25 ปี และ น.ส.ธิดารัตน์ บ่อแก้ว อายุ 24 ปี ชาวจังหวัดอำนาจเจริญ ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายนำยาไอซ์หนัก 73 กรัม ซุกซ่อนไว้ในเครื่องสำอางไปส่งให้ลูกค้าในเขตเทศบาลนครอุบลราชธานี
หลังการจับกุมยังขยายผลตามไปยึดยาบ้าที่ซุกซ่อนไว้ที่หัวเตียงในห้องพักหมายเลข 202 วริศราแมนชั่น ถ.ชยางกูร ต.ในเมืองอุบลราชธานี พบยาบ้า 9,508 เม็ด โดยทั้งคู่รับสารภาพว่ารับยาบ้าและยาไอซ์ทั้งหมดจากขบวนการค้ายาเสพติดตามแนวชายแดนไทย-ลาว เพื่อส่งต่อให้กับขบวนการค้ายาเสพติดในประเทศไทย แต่ถูกเจ้าหน้าที่สกัดจับได้ก่อน จึงคุมตัวมาดำเนินคดี
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับผู้ต้องหาคดีค้ายาบ้ากลุ่มอื่นและผู้ต้องหาคดีลักรถได้รถจักรยานยนต์กลับคืนมา 6 คัน รถยนต์อีก 1 คัน รวมทั้งคดีพยามฆ่าเจ้าพนักงานยึดได้ทั้งปืนพกสั้นและมีดปลายแหลมที่ใช้ก่อเหตุ
พล.ต.ต.เดชา กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดตามจังหวัดชายแดนไทย-ลาว ว่า ผลการปราบปรามได้ผลเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ สำหรับกรณีกลุ่มค้ายาเสพติดที่เป็นชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่าย้ายฐานการผลิตจากภาคเหนือลงมาอยู่ทางภาคอีสาน เพราะสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศพม่าเปลี่ยนแปลงนั้นที่ผ่านมารัฐบาลนี้ ให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าวอย่างมากอยู่แล้ว
จึงมีการประสานพูดคุยกันในระดับประเทศ เพื่อแก้ปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดตามแนวชายแดน และเชื่อว่าการแพร่ระบาดยาเสพติดจะไม่รุนแรงไปกว่านี้ เพราะมีการเฝ้าจับตาดูการเคลื่อนไหวของนักค้ารายใหญ่ที่หลบอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอยู่ตลอดเวลาแล้วด้วย