xs
xsm
sm
md
lg

หวั่นพม่า-ชนกลุ่มน้อยปรองดอง บีบโรงงานยานรกย้ายฐานเข้าไทยเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.ปราการ ชลยุทธ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง
เชียงราย - ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง เผย วันนี้ยังมีแหล่งผลิตยาเสพติดในฝั่งเพื่อนบ้านตรงข้ามเชียงใหม่-เชียงราย 3 จุดใหญ่ แต่ละจุดมีโรงงานผลิตยานรก 2-3 โรง หวั่นหลังพม่า-ชนกลุ่มน้อยปรองดอง อาจทำให้ขบวนการค้ายาย้ายฐานผลิตเข้าไทยมากขึ้น ขณะที่กลุ่มผู้ค้าในประเทศแฝงตัวเป็นนักการเมือง-ผู้นำท้องถิ่นมากขึ้น

วันนี้ (7 ก.พ.) พล.ต.ปราการ ชลยุทธ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ได้เดินทางไปเยี่ยมดูอาการของ จ.ส.ต.มานะ ใบบัว อายุ 32 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บ เพราะถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่บริเวณโคนขา และ ส.อ.สายันต์ แย้มสุทธิ อายุ 37 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าที่บริเวณขาซ้าย รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โดยทั้งคู่สังกัด ม.พัน.26 และถูกขบวนการค้ายาเสพติดขว้างระเบิดเข้าใส่ขณะไปตรวจสอบยาเสพติดที่บ้านจะสอป่า หมู่บ้านบริเวณของบ้านพนาสวรรค์ ม.13 ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 30 ม.ค.55 ที่ผ่านมา

โดยพบว่า ขณะนี้อาการของทั้งคู่ดีขึ้น และมีขวัญกำลังใจดี ซึ่งทาง พล.ต.ปราการ ได้มอบการช่วยเหลือและชื่นชมในปณิธานไหวพริบ เพราะเหตุการณ์คนร้ายได้ขว้างระเบิดใส่กลางกลุ่ม แต่ทหารได้เตะลูกระเบิดให้กลิ้งออกไปไกลจากตัวทำให้ลดการสูญเสียได้อย่างมาก

พล.ต.ปราการ เปิดเผยว่า นับเป็นความยากลำบากของเจ้าหน้าที่ในการเข้าไปปฏิบัติการตรวจค้นหมู่บ้านในแนวป่าเขา เพราะหากจะใช้ความรุนแรงโดยทันที ก็จะมีปัญหาด้านมนุษยชน ตนจึงมีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ทำตามกรอบของกฎหมายเป็นหลัก เมื่อมีเหตุการณ์ใดๆ ต้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ อัยการ ฝ่ายปกครอง ฯลฯ เข้าไปร่วมตรวจสอบ เพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาได้

ซึ่งก็พบความยุ่งยากบ้าง เพราะกรณีจะใช้กำลังเข้าตรวจสอบต้องเห็นคนร้ายมีอาวุธ หรือทำผิดกฎหมายชัดเจน แต่บางครั้งคนร้ายปิดบังซ่อนเร้น เมื่อใช้การเจรจาพูดคุย ก็มีการแสดงอาวุธออกมาทำร้ายเจ้าหน้าที่ ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่การใช้มีดไล่ฟัน ยิงปืน และระเบิดเหมือนครั้งนี้ แต่ก็จะเดินตามแนวทางนี้ต่อไปโดยพยายามระมัดระวังให้มากขึ้น

สำหรับสถานการณ์การลักลอบนำเข้ายาเสพติดในปัจจุบัน พบว่า ยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมากเพราะมีปัจจัยหลายอย่างเอื้อ โดยตามแนวชายแดนทางภาคเหนือในการดูแลของกองกำลังผาเมืองยังมีแหล่งผลิตยาเสพติดในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านอยู่ 3 แหล่งใหญ่ๆ แต่ละแห่งมีโรงงานผลิตอยู่ 2-3 โรง มีปริมาณการปลูกฝิ่นที่เพิ่มมากขึ้น แตกต่างจากฝั่งไทยที่แหล่งปลูกฝิ่นเกือบจะหมดไป เหลือเพียงแปลงเล็กแปลงน้อยที่ลักลอบปลูกเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลประเทศเมียนมาร์และชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนหลายกลุ่ม ได้เริ่มมีข้อตกลงปรองดองกันขึ้นจึงอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้ เพราะหากทั้ง 2 ฝ่ายมีข้อตกลงเข้มงวดปราบปรามยาเสพติดมากขึ้น ก็อาจจะทำให้แหล่งผลิตยาเสพติดทั้งยาบ้า ยาไอซ์ เฮโรอีน ฯลฯ เคลื่อนย้ายและกระทบต่อตะเข็บชายแดนด้านฝั่งไทยในที่สุด

พล.ต.ปราการ กล่าวว่า โดยอาจจเป็นลักษระการอาศัยเครือข่ายหมู่บ้านชายแดนทั้งสองฝั่งประเทศ ในการเคลื่อนย้ายแหล่งผลิตเข้ามายังฝั่งไทยมากขึ้น เพราะสภาพปัจจุบันคือ หมู่บ้านชายแดนทั้ง 2 ฝั่งหลายจุดเป็นชนเผ่าเดียวกัน สามารถติดต่อกันได้อย่างแนบแน่นและมีภูมิประเทศเป็นแนวสันเขาหรือป่าไม้ที่ต่อเนื่องกัน ขบวนการค้ายาเสพติดที่แฝงอยู่ในกลุ่มชาวบ้านมีการจัดตั้งเป็นกองกำลัง วางเวรยาม หาข่าวการเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ ฯลฯ ซึ่งการเคลื่อนย้ายดังกล่าวเป็นผลทำให้เกิดการปะทะกับกองกำลังของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจหลายครั้ง เฉพาะรอบเดือนที่ผ่านมาก็เกิดการปะทะกันแล้วถึง 3 ครั้งด้วยกัน

ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตามพื้นที่ชายแดนด้าน จ.เชียงราย และ จ.เชียงใหม่ มีแหล่งพักยาเสพติดอยู่อย่างน้อย 12 แหล่งพัก ซึ่งล้วนมีเครือข่ายในลักษณะที่เป็นชนเผ่าเดียวกัน ติดต่อกันทั้งสองฝั่งประเทศและแฝงตัวอยู่กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งเครือข่ายนี้เองที่อาจจะมีบทบาทในการเคลื่อนย้ายแหล่งผลิตยาเสพติดจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาตามตะเข็บชายแดนฝั่งไทยมากขึ้น หากรัฐบาลใหม่ของประเทศเพื่อนบ้านมีข้อตกลงกับกลุ่มอำนาจในชนกลุ่มน้อยในการปราบปรามยาเสพติดในอนาคต ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็กำลังเฝ้าจับตามองสถานการณ์อยู่

โดยปีนี้มีเจ้าหน้าที่ทหาร ชป.เข้าไปทำงานตามพื้นที่หมู่บ้านชายแดนต่างๆ แล้วกว่า 20 ชุดๆ ละ 10 นาย ประจำอยู่ใน 200 กว่าหมู่บ้านตามแนวชายแดน รวมทั้งจัดอบรมและฝึกฝนอาสาสาสมัครปราบปรามยาเสพติด ซึ่งเป็นชาวบ้านได้กว่า 5,000-6,000 คนที่ผ่านอบอรมที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องมาจากพระราชดำริก่อนด้วย เพื่อเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด รวมทั้งด้านการข่าวแล้ว ทั้งยังมีโครงการพัฒนาเพื่อประโยชน์ของประชาชนด้านการประกอบอาชีพตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจ้าหน้าที่เฝ้าจับตามองอีกประการหนึ่งคือ การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดภายในประเทศซึ่งอยู่ตามแนวชายแดน โดยปัจจุบันพบว่าผู้มีประวัติค้ายาเสพติดมีชื่อหลายคนได้หันไปรับสมัครเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือนายก อบต.ฯลฯ มากขึ้น กลายเป็นบุคคลที่มีกองกำลังประชาชนที่ถูกฝึกฝนในรูปแบบต่างๆ ให้การคุ้มครองคนเหล่านี้เสียเอง

พฤติกรรมคือ คนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องออกไปค้ายาเสพติดเองอีก แต่อาจใช้โทรศัพท์เพื่อการซื้อขาย โดยอาศัยความน่าเชื่อถือหรือเครดิต ติดต่อกับแหล่งผลิต และให้คนในเครือข่ายขนย้ายยาเสพติดไปส่งมอบให้ผู้ซื้อ เพื่อทำกำไรจากส่วนต่างราคาแทน


กำลังโหลดความคิดเห็น