ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจภาค 5 รวบ 4 ผู้ต้องหาขบวนการค้ายาพร้อมยาบ้า 1 แสนเม็ด สองรายแรกโดนรวบที่แม่สาย หลังรับยาจากชายแดนเตรียมส่งเข้ากรุง ส่วนสองรายหลังโดนจับคาเซียร์ รังสิต หลังรับจ้างมารอรับยา ผบช.ภ.5 เผย เน้นหนักสกัดกั้นไม่ให้ยาหลุดออกจากพื้นที่ ประกาศหากปลายปีไม่มีคดียาล็อตใหญ่ในส่วนกลางถือว่ามาตรการได้ผล
วันนี้ (24 ม.ค.) พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมคณะ แถลงข่าวการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ณ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าจะมีการลักลอบขนส่งยาเสพติด ก่อนจะสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย รวมทั้งยังขยายผลจับกุมสมาชิกร่วมขบวนการได้ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานีอีกด้วย
สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในครั้งนี้รวมทั้งสิ้น 4 ราย ประกอบด้วย นางสาวมาลีรัตน์ เทพสมุทร อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/1 หมู่ 10 ตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา นายพงษ์ศักดิ์ พจน์ไพโรจน์ อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 510/4 หมู่ 5 ตำบลหนองจะบก อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา นายชยทัต สุดมี อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 62/283 หมู่ที่ 5 แขวงจระเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร และ นายพัฒน์พล วงษ์อุ่น อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/178 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร
พร้อมของกลางยาบ้าชนิดเม็ดกลมแบนสีส้ม ประทับตราภาษาอังกฤษ WY จำนวน 50 มัด รวมยาบ้าประมาณ 100,000 เม็ด รถยนต์เก๋งยี่ห้อวอลโว่ สีเทา หมายเลขทะเบียน ญณ 1104 กรุงเทพมหานคร รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กย 680 กรุงเทพมหานคร และโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 8 เครื่อง
การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า จะมีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดทำการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนด้านอำเภอแม่สาย เพื่อนำไปส่งให้กับเครือข่ายที่อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ต่อมาเมื่อวันที่ 22 ม.ค.ชุดสืบสวนพบรถเก๋งยี่ห้อวอลโว่ต้องสงสัย เดินทางตามเส้นทางจากอำเภอแม่สายไปยังอำเภอเชียงแสน จึงติดตามก่อนแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น
ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดซุกซ่อนบริเวณจุดติดตั้งลำโพงหลังเบาะนั่งตอนท้ายรถ จึงทำการตรวจยึดของกลาง พร้อมทั้งควบคุมตัว นางสาวมาลีรัตน์ และ นายพงษ์ศักดิ์ ซึ่งโดยสารรถคันดังกล่าว ก่อนจะขยายผลและติดตามจับกุมผู้ต้องหาอีก 2 ราย คือ นายชยทัตและ นายพัฒน์พล ได้ที่บริเวณข้างห้างสรรพสินค้าเซียร์ รังสิต ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี
จากการสอบสวน นางสาวมาลีรัตน์ และ นายพงษ์ศักดิ์ ให้การว่า ได้รับการว่าจ้างให้นำยาเสพติดมาส่งให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ส่วน นายชยทัต และ นายพัฒน์พล ให้การว่า ได้รับการว่าจ้างให้มารับยาเสพติด ณ จุดนัดหมาย
พล.ต.ท.สุเทพ กล่าวว่า การจับกุมยาเสพติดในครั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ที่จะสกัดกั้นยาเสพติดไม่ให้เข้าไปสู่พื้นที่ส่วนกลางของประเทศได้ โดยในปัจจุบันได้มีการวางลวดหนามตามแนวชายแดนในจุดเสี่ยงที่คาดว่าจะเป็นช่องทางขนถ่ายยาเสพติด เช่น ที่อำเภอแม่ฟ้าหลวง 23 จุด และอำเภอแม่สาย 13 จุด เป็นต้น
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกพื้นที่ต้องเพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบและเฝ้าระวังการลักลอบขนยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือเข้าสู่พื้นที่ส่วนอื่นของประเทศ โดยที่ผ่านมาจะเห็นว่าการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ๆ นั้น ไม่ได้นำมาจำหน่ายในพื้นที่ภาคเหนือ แต่เป็นการจัดส่งลงไปยังพื้นที่ส่วนกลาง
ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ตั้งเป้าหมายไว้ว่า เมื่อถึงสิ้นปีนี้ หากไม่มีคดีการจับกุมยาเสพติดจำนวนมากในกรุงเทพมหานคร หรือพื้นที่ภาคกลาง ถือว่ามาตรการสกัดกั้นยาเสพติดในพื้นที่ของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ดำเนินการได้ผล เนื่องจากพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 5 เป็นจุดสำคัญที่ยาเสพติดจะต้องผ่านลงไปสู่ส่วนอื่นๆ ของประเทศ
นอกจากนี้ ตนยังได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดทำการตรวจสอบและหาทางจับกุมกลุ่มนายทุน หรือผู้บริหารของขบวนการค้ายาเสพติดให้ได้ เนื่องจากผู้ต้องหาที่ถูกจับในแต่ละครั้งส่วนใหญ่เป็นเพียงระดับปฏิบัติการที่ถูกว่าจ้างให้มาทำงาน เมื่อถูกจับไปแล้วก็ยังคงมีคนใหม่ๆ เข้ามาทดแทน ทำให้ปัญหาการค้ายาเสพติดยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
พล.ต.ท.สุเทพ ยังกล่าวด้วยว่า ผู้ต้องหา 2 ใน 4 รายที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ยังเป็นนักเรียนนักศึกษา ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมากที่คนกลุ่มนี้เข้ามามีส่วนร่วมในขบวนการค้ายาเสพติด โดยจากการสอบถามก็พบว่าทำเพราะได้รายได้ดี จึงจำเป็นที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องหาทางดูแลและป้องกันไม่ให้คนเหล่านี้เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือมีส่วนร่วมกับยาเสพติด เพราะเมื่อถูกจับกุมแล้วก็ถือว่าสูญเสียอนาคตที่ดีไปอย่างน่าเสียดาย