ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รัฐบาลญี่ปุ่นจัดงบช่วยอาข่าเชียงราย สร้างศูนย์ฝึกอบรมอาชีพพื้นบ้าน และสุขภาพทางเลือกชนเผ่า
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนโครงการก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมอาชีพพื้นบ้านและสุขภาพทางเลือกชนเผ่า ณ อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ผ่านโครงการความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์[Grant Assistance for Grassroots Human Security Projects Scheme (จีจีพี) มูลค่า 3,440,700 บาท ซึ่งนายคะซุโอะ ชิบะตะ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ และนายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้ร่วมเป็นประธานในพิธีรับมอบอาคารเมื่อเร็วๆ นี้ ณ ศูนย์ฝึกอบรมอาชีพพื้นบ้านและสุขภาพทางเลือกชนเผ่า
ทั้งนี้ ชาวอาข่าส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ และลำปาง ยังมีข้อจำกัดของโอกาสที่จะได้รับทักษะที่จำเป็นสำหรับการประกอบอาชีพ อีกทั้งอิทธิพลของการดำเนินชีวิตแบบใหม่ยังส่งผลให้เขามีความยากลำบากที่จะรักษาขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมดั้งเดิมเอาไว้ได้ และยังต้องเผชิญกับปัญหาหลักๆ ในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เช่น ปัญหาสุขภาพที่มีสาเหตุจากเกษตรเคมี การตัดไม้ทำลายป่า ตลอดจนปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน
ทั้งนี้ ทางรัฐบาลญี่ปุ่นเห็นว่าชาวอาข่าจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ถึงทักษะในการประกอบอาชีพพื้นบ้านและการจัดการสุขภาพทางเลือก เพื่อที่จะได้มีทางเลือกในการประกอบอาชีพบนพื้นที่สูง เพิ่มพูนรายได้ ลดปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพ ตลอดจนในด้านของสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน จึงได้มอบความช่วยเหลือตามคำขอจากทางสมาคม ทางด้านงบประมาณในการก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมดังกล่าวพร้อมทั้งการจัดหาอุปกรณ์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการฝึกอบรมและจัดการสัมมนา
สำหรับสมาคมเพื่อการศึกษาและวัฒนธรรมชาวอาข่า มีกลุ่มเป้าหมายในการประกอบกิจกรรมส่วนใหญ่เกี่ยวเนื่องกับชาวอาข่าและชุมชนที่อยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก และเพชรบูรณ์ ได้จัดให้มีกิจกรรมสำหรับเยาวชน การฝึกอบรม การสัมมนาในด้านทักษะการประกอบอาชีพและสิทธิมนุษยชนสำหรับกลุ่มสตรีและผู้สูงอายุ การป้องกันสิ่งแวดล้อม รวมถึงในเรื่องพลังงานทางเลือกและการบำบัดขยะ
นอกเหนือจากนี้ ทางสมาคมยังจัดให้มีการสัมมนาในด้านการดูแลสุขภาพ การศึกษาสำหรับเยาวชน และการป้องกันการค้ามนุษย์ โดยผ่านทางเครือข่ายชนเผ่าอาข่าในประเทศสาธารณรัฐประชาชนลาว สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า แต่ที่ผ่านมายังมีข้อจำกัดของสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการทำกิจกรรมดังกล่าว