ตาก - หมอกควันจากไฟไหม้ป่าพม่าส่งผลกระทบราษฎรฝั่งไทยหนักขึ้น สายการบินเอกชน “นกแอร์” ยังบินเข้าแม่สอดไม่ได้ แผนส่ง ฮ.บินดูจุดเกิดไฟป่า ยังต้องระงับชั่วคราว
รายงานข่าวจาก อ.แม่สอด จ.ตาก แจ้งว่า จนถึงวันนี้ (27 ก.พ.) พื้นที่ชายแดนแม่สอด ยังคงถูกปกคลุมด้วยหมอกควันไฟป่า รุนแรงและต่อเนื่องเป็นเวลาหลายวันแล้ว ทั้งยังไม่วี่แววว่าจะคลี่คลายลง ไฟป่าและการจุดไฟเผาที่ดินเพื่อทำการเกษตรของเกษตรกร บวกกับไฟป่าฝั่งพม่า ทำให้ทัศนะวิสัยต่ำ มองเห็นได้ระยะใกล้ รวมทั้งสร้างผลกระทบกับชาวบ้านฝั่งไทย
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสังเกตการณ์บริเวณด่านสะพานมิตรภาพไทย-พม่า อ.แม่สอด จ.ตาก ตรงข้ามจังหวัดเมียวดี ของประเทศพม่า พบว่า จากปัญหาหมอกควันในพม่าส่งผลให้ท้องฟ้าสลัว และในเวลากลางคืนจะมองเห็นไฟไหม้ป่าในหลายพื้นที่เป็นบริเวณกว้างหลายพื้นที่ เนื่องจากเกษตรกรพม่าเผาตอซังข้าวและซังข้าวโพด ซึ่งมีปลูกกันมาก แล้วลุกลามเข้าเขตป่าไม้สัก ซึ่งมีปลูกมากบริเวณนั้น โดยสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนจาก ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด
และจากสภาพทัศนวิสัยการมองเห็นลดต่ำลง ทำให้เฮลิคอปเตอร์ของทหารไม่สามารถขึ้นบินสำรวจพื้นที่ป่าไม้ที่ถูกเผาได้ จากเดิมที่ทหาร-ฝ่ายปกครอง และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ มีกำหนดขึ้น ฮ.บินสำรวจเพื่อดูจุดที่เกิดไฟป่าเมื่อวานนี้ (26 ก.พ.) ตามที่นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้ประสานกับกองกำลังนเรศวรเพื่อจัดเจ้าหน้าที่ขึ้น ฮ.บินสำรวจป่าตามแนวชายแดน ก่อนที่จะส่งกำลังเจ้าหน้าที่ไปดับ แต่ไม่สามารถขึ้นบินได้ เนื่องจากมีหมอกควันปกคลุมหนาแน่น เกือบถึงระดับเกินมาตรฐาน
ขณะที่สายการบินนกแอร์ที่เคยบินจากสนามบินนครแม่สอด-สนามบินสุวรรณภูมิ ต้องหยุดบินติดต่อกันเป็นวันที่ 4 นักบินไม่สามารถนำเครื่องลงจอดได้ จนต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยการแจ้งให้ไปขึ้นเครื่องที่สนามบินจังหวัดพิษณุโลก จนกว่าสถานการณ์หมอกควันจะบรรเทาเบาบางลง แต่คาดว่าภายใน 2-3 วันนี้อากาศจะไม่เปิดเพราะยังคงมีไฟป่าลุกลามทั้งไทย-พม่า