ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “บรรหาร” ควง “ธีระ” ประชุมพืชสวนโลก จี้ทีมงานเร่งกระตุ้นยอดนักท่องเที่ยวหลังส่อแววเกิน 2 ล้าน แต่ไม่เท่างานครั้งก่อนแน่ เตรียมหารือ จ.เชียงใหม่ ชวนนักเรียนเที่ยวฟรีส่งท้าย ตกบ่ายควง “ชุมพล” ติดตามความคืบหน้าก่อสร้างศูนย์ประชุมนานาชาติ ล่าสุด คืบหน้ากว่า 99% แต่หลายจุดยังน่าลุ้นแล้วเสร็จทัน 1 มี.ค.หรือไม่
วันนี้ (23 ก.พ.) นายบรรหาร ศิลปอาชา และ นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเข้าร่วมการประชุม คณะกรรมการบริหารและจัดการ งานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ณ ห้องประชุมสำพนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่
การประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมเพื่อรับทราบผลการดำเนินการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ซึ่งจนถึงขณะนี้เหลือเวลาอีก 20 วัน จะสิ้นสุดการจัดงานดังกล่าว โดยในที่ประชุมมีการหารือกันถึงจำนวนตัวเลขผู้เข้าชมงาน โดยล่าสุด มีตัวเลขผู้เข้าชมงานตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.2554 ถึงวันที่ 22 ก.พ.2555 ทั้งสิ้น 1,886,355 คน ซึ่งถือว่ายังต่ำกว่าปริมาณผู้เข้าชมงานในปี 2549 ที่มีมากกว่า 3 ล้านคน เช่นเดียวกับเงินรายได้ ซึ่งล่าสุดมีเงินรายได้จากค่าเข้าชมงานประมาณ 176.6 ล้านบาท จากที่มีการตั้งเป้าไว้ที่ 233 ล้านบาท ขณะที่รายได้
ด้าน บริษัท ไรท์แมน จำกัด ผู้บริหารจัดการงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ชี้แจงว่า จากสถิติตัวเลขผู้เข้าชมงานจนถึงขณะนี้ คาดว่า ตัวเลขผู้เข้าชมงานจะเกิน 2 ล้านคนอย่างแน่นอน แต่คาดว่า จะไม่มากไปกว่าจำนวนผู้เข้าชมงานครั้งก่อน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากระยะเวลาการเปิดงานที่ล่าช้าจากเดือน พ.ย.มาเป็นเป็นเดือน ธ.ค.ผลกระทบจากเหตุอุทกภัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมายบางส่วนลดการเดินทางมาเที่ยวชมงาน รวมทั้งในช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่ช่วงปิดภาคการศึกษาและฤดูร้อน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะเลือกไปท่องเที่ยวยังสถานที่อื่นๆ มากกว่า
อย่างไรก็ตาม แม้ที่ประชุมจะพอใจในภาพรวมของการดำเนินงานทั้งหมด แต่ นายบรรหาร ในฐานะประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหารและจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ระบุว่า ผู้บริหารจัดการฯ จำเป็นจะต้องหามาตรการเพื่อกระตุ้นให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวและประชาชนที่เดินทางเข้าชมงานเพิ่มมากขึ้นในช่วงสุดท้ายของการจัดงานให้ได้
โดยในเบื้องต้นได้เสนอให้ผู้บริหารจัดการฯ ประสานกับจังหวัดเชียงใหม่ ให้ประชาสัมพันธ์ไปยังโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัด ให้นำนักเรียนเข้ามาเที่ยวชมงานฟรี โดยจะเริ่มแจ้งไปยังโรงเรียนต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 25 ก.พ.เป็นต้นไป
ขณะเดียวกัน ได้เสนอให้ผู้บริหารจัดการงานฯ เตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อชักจูงใจให้นักท่องเที่ยวเข้าเที่ยวชมงานเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ นายบรรหาร ยังระบุว่า จะช่วยเหลือในการจัดหาของรางวัลสมนาคุณให้กับผู้ที่เข้าชมงานอีกด้วย
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือกันถึงกำหนดการของพิธีปิดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554 ซึ่ง นายบรรหาร และ นายชุมพล รวมถึงคณะกรรมการจะเดินทางมาชมการซ้อมใหญ่ในวันที่ 12 มี.ค.รวมทั้งพิจารณาเรื่องการรับมอบสวนคืนจากประเทศและองค์กรต่างๆ ในวันที่ 2 มี.ค.นี้ โดยสวนขององค์กรหรือประเทศใดที่ไม่ได้มอบให้อุทยานหลวงราชพฤกษ์เป็นผู้ดูแลก็จะต้องทำการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างต่างๆ ออกจากพื้นที่ภายหลังการจัดงานเสร็จสิ้นต่อไป
ขณะที่ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายบรรหาร และ นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เดินทางไปยังสถานที่ก่อสร้างศูนย์ประชุมและศูนย์แสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อติดตามความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ซึ่งตามกำหนดการจะสิ้นสุดสัญญาการก่อสร้างในวันที่ 1 มี.ค. ที่จะถึงนี้
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้มีการชี้แจงการสรุปผลงานโครงการ ณ วันที่ 23 ก.พ.2554 รวมระยะเวลาการทำงาน 876 วัน ซึ่งผลการดำเนินงานปรากฏว่า มีความคืบหน้าไปแล้ว 99.40% จากแผนที่กำหนดไว้ที่ 99.71% ล่าช้ากล่าแผนงานที่วางไว้ 0.31% โดยแบ่งออกเป็นงานภายนอก มีผลการดำเนินการแล้วเสร็จ 98.65% จากแผนที่กำหนดไว้ที่ 99.26% อาคารศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ ดำเนินการแล้วเสร็จ 99.57% จากแผนที่กำหนดไว้ 99.81% และอาคารศูนย์ส่งเสริมการพัฒนาและกระจายสินค้าวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมภาคเหนือ ดำเนินการแล้วเสร็จ 99.74% จากแผนที่กำหนดไว้ 99.94%
อนึ่ง จากการสำรวจของผู้สื่อข่าว พบว่า แม้การก่อสร้างในภาพรวมจะคืบหน้าไปเป็นอย่างมาก แต่ยังมีอีกหลายส่วนที่ยังคงต้องดำเนินการ อาทิเช่น การปรับปรุงภูมิทัศน์โดยรอบ และการก่อสร้างรั้ว ซึ่งยังไม่ทราบว่าจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ตามกำหนดสิ้นสุดสัญญาการก่อสร้างหรือไม่ นอกจากนี้ ยังพบว่า ในบางจุดยังมีความบกพร่องปรากฏให้เห็น อาทิเช่น บริเวณด้านหน้าโครงการใกล้กับสะพานข้ามคลองชลประทาน ซึ่งยังมีส้วมถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีการรื้อถอนแต่อย่างใด เป็นต้น
