นายกเล็กเชียงคาน แถลงนโยบายก่อนรับตำแหน่งใหม่

เลย - นายกเทศมนตรีเชียงคาน แถลงนโยบายบริหารงานปี 55-58 หลังชนะการเลือกตั้ง ชูแผนเร่งด่วนพัฒนาพื้นที่การท่องเที่ยวบริเวณถนนชายโขงและชุมชนบ้านไม้เก่าให้ได้มาตรฐาน พร้อมพัฒนาการศึกษา เตรียมพร้อมเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา

วันนี้ (19 ก.พ.55) ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลเชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย มีการประชุมใหญ่เพื่อแถลงนโยบายต่อสภาเทศบาล ของนายหล่ง แก้วนิรันดร์ นายกเทศมนตรีตำบลเชียงคานคนใหม่ หลังจากที่ชนะการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลเชียงคานเมื่อ 8 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา ซึ่งตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2552 มาตรา 48 กำหนดให้ก่อนนายกเทศมนตรีเข้ารับหน้าที่ให้ประธานสภาเทศบาลเรียกประชุมสภาเพื่อให้นายกเทศมนตรีแถลงนโยบายต่อสภาเทศบาลโดยไม่มีการลงมติ

ทั้งนี้ การแถลงนโยบายให้กระทำโดยเปิดเผยและต้องจัดทำนโยบายเป็นลายลักษณ์อักษรให้สมาชิกสภาเทศบาลทุกท่านที่เข้าร่วมประชุมเพื่อทราบในวาระปีการบริหาร 2555-2558 พร้อมแต่งตั้งรองนายกเทศมนตรี คือ นางประไพศรี นิลน้อย และมีนายทรงยศ ศรีเคน เป็นประธานสภาฯ

นายหล่ง แก้วนิรันดร์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเชียงคาน เปิดเผยว่า สิ่งที่ต้องรีบดำเนินการเร่งด่วน คือ ด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะบริเวณถนนชายโขงและชุมชนบ้านไม้เก่า ที่ได้รับความสนใจจากนักท่งเที่ยวจำนวนมากที่สุดของจังหวัดเลยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน

แต่ก็มีปัญหาหลายด้าน เช่น ความสะอาด ขยะ การจราจร การรักษาความปลอดภัย สินค้าราคาแพง มีการร้องเรียนจากผู้ที่มาเยือนเชียงคานจำนวนมาก โดยอาหารจะต้องมีคุณภาพ และราคาที่ยุติธรรม การบริการนักท่องเที่ยว ต้องบริการดุจญาติมิตร พร้อมกับการเป็นเจ้าบ้านที่ดี

ด้านการศึกษาต้องได้รับการพัฒนาการตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาให้ได้รับเกลือไอโอดีนอาหารที่ส่งเสริมสุขภาพอนามัยความสมบูรณ์ทุกด้านของทารกและแม่จนเข้าสู่ระดับปฐมวัย เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้ารับการศึกษาพื้นฐาน โดยการขยายศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน ของเทศบาลจากที่มีอยู่เดิม คือศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของเทศบาลตำบลเชียงคานเพื่อให้เด็กระดับปฐมวัยได้รับการศึกษาเตรียมความพร้อมเพิ่มขึ้นอย่างทั่วถึง และไม่เสียค่าใช้จ่ายหรือเสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด

นายหล่ง กล่าวตอนท้ายว่า ตนจะสนับสนุน ส่งเสริม ขยายการศึกษาจากระดับประถมวัย โดยการสร้างโรงเรียนของเทศบาลเอง สนับสนุนงบประมาณให้กับโรงเรียนกลุ่มเป้าหมาย ตามนโยบายแผนพัฒนาการศึกษาชาติ และให้อิสระในการบริหารงบประมาณและทรัพยากรทางการศึกษา ส่งเสริมสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของท้องถิ่น ในอนาคตอย่างจริงจัง