ศูนย์ข่าวศรีราชา - ประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว ยันเศรษฐกิจสระแก้ว มีความโดดเด่นพร้อมจะพัฒนาเป็น “เขตเศรษฐกิจการค้าพิเศษ” เผย ตัวเลขส่งออกและนำเข้าสินค้ากับประเทศกัมพูชา ซึ่งมีมูลค่าสูงสุดเมื่อเทียบกับด่านชายแดนอื่นๆ โดยมีมากกว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อปี หรือประมาณครึ่งหนึ่งของมูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งหมด
นายบำรุง ล้อเจริญวัฒนะชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว เผยว่า ปัจจุบันมูลค่าการค้าตามแนวชายแดนของไทย โดยเฉพาะบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญ ประเทศ จังหวัดสระแก้ว มีสัดส่วนการส่งออกสูงกว่าการนำเข้าจนได้เปรียบดุลการค้ากับกัมพูชา
ด้วยเหตุนี้จังหวัดสระแก้ว จึงกำหนดวิสัยทัศน์ในการพัฒนาจังหวัดใหม่ โดยตั้งเป้าให้เป็น “ศูนย์กลางโลจิสติกส์และแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ของอินโดจีน ถิ่นพืชพลังงาน อาหารปลอดภัย” เพราะตั้งอยู่ในแนวเชื่อมโยงจากเวียดนามสู่ท่าเรือทวายของพม่าและอินเดีย
สอดคล้องกับการที่ประชาคมอาเซียนจะผลักดันให้เกิด “เขตการค้าเสรีอาเซียน” หรือ “อาฟตา” เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน ดึงดูดต่างชาติให้เลือกจังหวัดสระแก้วเป็นฐานการลงทุนใหม่
“ปีที่ผ่านมา เราได้ศึกษาข้อมูลเชิงลึก เพื่อประเมินศักยภาพและความเป็นไปได้ในการจัดตั้ง “สถานีขนถ่ายสินค้า” ที่เป็นเขตติดต่อกับจังหวัดบันเตียเมียนเจย รวมทั้งการเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษปอยเปตโอเนียง ของกัมพูชา ที่ถูกจัดเป็นเมืองคู่แฝดของสระแก้ว ตามแผนปฏิบัติการยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ACMECS ปฏิญญาพุกาม ที่มุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับทวิภาคี ทั้งในด้านการเงิน การขนส่ง การตลาด แหล่งท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ซึ่งก็มองเห็นความเป็นไปได้” นายบำรุง กล่าวและว่า
ภายในปี 2555 จังหวัดสระแก้ว ยังจะเสนอให้มีการเปิดจุดผ่านแดนถาวรอื่นๆ ขึ้นอีก เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าผ่านแดน รวมทั้งการพัฒนาสถานีขนถ่ายสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกและลดต้นทุนการขนส่งระหว่าง 2 ประเทศอีกด้วย
นายบำรุง ล้อเจริญวัฒนะชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสระแก้ว เผยว่า ปัจจุบันมูลค่าการค้าตามแนวชายแดนของไทย โดยเฉพาะบริเวณจุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อำเภออรัญ ประเทศ จังหวัดสระแก้ว มีสัดส่วนการส่งออกสูงกว่าการนำเข้าจนได้เปรียบดุลการค้ากับกัมพูชา
ด้วยเหตุนี้จังหวัดสระแก้ว จึงกำหนดวิสัยทัศน์ในการพัฒนาจังหวัดใหม่ โดยตั้งเป้าให้เป็น “ศูนย์กลางโลจิสติกส์และแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ของอินโดจีน ถิ่นพืชพลังงาน อาหารปลอดภัย” เพราะตั้งอยู่ในแนวเชื่อมโยงจากเวียดนามสู่ท่าเรือทวายของพม่าและอินเดีย
สอดคล้องกับการที่ประชาคมอาเซียนจะผลักดันให้เกิด “เขตการค้าเสรีอาเซียน” หรือ “อาฟตา” เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขัน ดึงดูดต่างชาติให้เลือกจังหวัดสระแก้วเป็นฐานการลงทุนใหม่
“ปีที่ผ่านมา เราได้ศึกษาข้อมูลเชิงลึก เพื่อประเมินศักยภาพและความเป็นไปได้ในการจัดตั้ง “สถานีขนถ่ายสินค้า” ที่เป็นเขตติดต่อกับจังหวัดบันเตียเมียนเจย รวมทั้งการเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษปอยเปตโอเนียง ของกัมพูชา ที่ถูกจัดเป็นเมืองคู่แฝดของสระแก้ว ตามแผนปฏิบัติการยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ACMECS ปฏิญญาพุกาม ที่มุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจในระดับทวิภาคี ทั้งในด้านการเงิน การขนส่ง การตลาด แหล่งท่องเที่ยว อุตสาหกรรม และการพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ซึ่งก็มองเห็นความเป็นไปได้” นายบำรุง กล่าวและว่า
ภายในปี 2555 จังหวัดสระแก้ว ยังจะเสนอให้มีการเปิดจุดผ่านแดนถาวรอื่นๆ ขึ้นอีก เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าผ่านแดน รวมทั้งการพัฒนาสถานีขนถ่ายสินค้า เพื่ออำนวยความสะดวกและลดต้นทุนการขนส่งระหว่าง 2 ประเทศอีกด้วย
