ศูนย์ข่าวศรีราชา - สภาเมืองพัทยาจี้นายกเมืองพัทยา จัดระเบียบเมืองพัทยาใหม่ หลังสื่อต่างชาติจัดทำโพลท่องเที่ยว ระบุชายหาดพัทยาเป็นแหล่งเสื่อมโทรม อบายมุข ทั้งค้าประเวณี ขอทาน เร่ร่อน และอาชญากรรม
วันนี้ (9 ก.พ.) นายอัมรินทร์ บริบูรณ์นาคม สมาชิกสภาเมืองพยายาม เปิดกระทู้ถามตรงต่อนายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ในที่ประชุมสภาเมืองพัทยาที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่าปัจจุบันเมืองพัทยา มีปัญหาในเรื่องภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่มีสื่อมวลชนนำข้อมูลการจัดทำโพลแหล่งท่องเที่ยวทางชายทะเลที่สำคัญในระดับโลกขององค์กรสื่อในต่างประเทศมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ
โดยที่มีการระบุถึงเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่น่ารังเกียจและไม่สมควรไปพักผ่อนมากที่สุด 10 อันดับ ซึ่งในเนื้อหาข้อมูลของข่าวนั้นระบุว่า ชายหาดเมืองพัทยามีผลโหวตอยู่ในลำดับที่ 2 ด้วยเหตุผลที่มีปัญหามากมาย โดยเฉพาะเรื่องของแหล่งอบายมุข และการค้าประเวณี เพราะมีทั้งบาร์เบียร์ บาร์อะโกโก้ การเต้นโชว์ที่เข้าข่ายลามกอนาจาร
นอกจากนั้นยังมีการค้าประเวณีริมชายหาด ปัญหาคนเร่ร่อนจรจัด หาบเร่แผงลอย และมีผู้ประกอบการร่มเตียงชายหาดเป็นจำนวนมาก โดยผู้ประกอบการร่มเตียงเหล่านี้ยังมีการนำอาหาร และสิ่งของที่จัดตั้งให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างไม่เป็นระเบียบ จนเกิดความหมักหมม สกปรก รกรุงรัง และเป็นที่มาของขยะ รวมถึงพาหะนำโรคอีกมากมายด้วย
เรื่องนี้จึงทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถใช้ชายหาดเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นความเสียหายด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จึงควรเป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหารต้องใส่ใจและลงมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
ด้าน นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวชี้แจงว่า กรณีที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเมืองพัทยา แต่ก็ถือเป็นสิทธิ์ที่ทางสื่อมวลชนสามารถกระทำได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่มีข้อมูลระบุไว้ในเนื้อหาของข่าวนั้นแท้ที่จริงน่าจะเป็นเรื่องของความรู้สึกของคนเขียนมากกว่าข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ เพราะจากสภาพที่เป็นอยู่นั้นจะเห็นว่าสถานประกอบการต่างๆ เช่น บาร์เบียร์ บาร์ อะโกโก้ หรือสถานประกอบการต่างๆ ก็ไม่ได้อยู่ตามแนวชายหาด แต่อยู่ในพื้นที่ชุมชนหรือโซนนิ่ง ซึ่งเมืองท่องเที่ยวทั่วโลกก็มีเช่นเดียวกัน อีกทั้งเมืองพัทยาเองก็กำลังดำเนินการในส่วนของพัทยาโมเดล เพื่อจัดระเบียบและกำหนดโซนนิ่งใหม่เพื่อความเป็นระเบียบมากขึ้น
ส่วนเรื่องของโสเภณี คนเร่ร่อนนั้นที่ผ่านมาเมืองพัทยา ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการกวดขันจับกุมและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ประกอบการร่มเตียง ก็ได้ดำเนินการตามมาตรการของจังหวัดชลบุรี ที่จัดสรรพื้นที่ประกอบการและสันทนาการไว้ในสัดส่วน 50-50% เพียงแต่อาจมีผู้ที่ละเลยและฝ่าฝืนไปบ้าง ซึ่งจากนี้ก็จะลงพื้นที่ไปจัดระเบียบใหม่อีกครั้ง
นายอิทธิพลกล่าวต่อว่า ส่วนแนวชายหาดก็จะมีการจัดสรรงบประมาณลงไปจัดภูมิทัศน์ใหม่ในช่วงกลางปี 55 นี้ รวมถึงเรื่องของการถมทะเลด้วย ทั้งนี้ เมืองพัทยาคงจะไม่ดำเนินการตอบโต้หรือแก้ข้อกล่าวหา แต่ก็จะนำข้อมูลดังกล่าวมาปรับและแก้ไขเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
วันนี้ (9 ก.พ.) นายอัมรินทร์ บริบูรณ์นาคม สมาชิกสภาเมืองพยายาม เปิดกระทู้ถามตรงต่อนายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ในที่ประชุมสภาเมืองพัทยาที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่าปัจจุบันเมืองพัทยา มีปัญหาในเรื่องภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่มีสื่อมวลชนนำข้อมูลการจัดทำโพลแหล่งท่องเที่ยวทางชายทะเลที่สำคัญในระดับโลกขององค์กรสื่อในต่างประเทศมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ
โดยที่มีการระบุถึงเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่น่ารังเกียจและไม่สมควรไปพักผ่อนมากที่สุด 10 อันดับ ซึ่งในเนื้อหาข้อมูลของข่าวนั้นระบุว่า ชายหาดเมืองพัทยามีผลโหวตอยู่ในลำดับที่ 2 ด้วยเหตุผลที่มีปัญหามากมาย โดยเฉพาะเรื่องของแหล่งอบายมุข และการค้าประเวณี เพราะมีทั้งบาร์เบียร์ บาร์อะโกโก้ การเต้นโชว์ที่เข้าข่ายลามกอนาจาร
นอกจากนั้นยังมีการค้าประเวณีริมชายหาด ปัญหาคนเร่ร่อนจรจัด หาบเร่แผงลอย และมีผู้ประกอบการร่มเตียงชายหาดเป็นจำนวนมาก โดยผู้ประกอบการร่มเตียงเหล่านี้ยังมีการนำอาหาร และสิ่งของที่จัดตั้งให้บริการนักท่องเที่ยวอย่างไม่เป็นระเบียบ จนเกิดความหมักหมม สกปรก รกรุงรัง และเป็นที่มาของขยะ รวมถึงพาหะนำโรคอีกมากมายด้วย
เรื่องนี้จึงทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถใช้ชายหาดเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจได้ ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นความเสียหายด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก จึงควรเป็นเรื่องที่ฝ่ายบริหารต้องใส่ใจและลงมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
ด้าน นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา กล่าวชี้แจงว่า กรณีที่เกิดขึ้นต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเมืองพัทยา แต่ก็ถือเป็นสิทธิ์ที่ทางสื่อมวลชนสามารถกระทำได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่มีข้อมูลระบุไว้ในเนื้อหาของข่าวนั้นแท้ที่จริงน่าจะเป็นเรื่องของความรู้สึกของคนเขียนมากกว่าข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ เพราะจากสภาพที่เป็นอยู่นั้นจะเห็นว่าสถานประกอบการต่างๆ เช่น บาร์เบียร์ บาร์ อะโกโก้ หรือสถานประกอบการต่างๆ ก็ไม่ได้อยู่ตามแนวชายหาด แต่อยู่ในพื้นที่ชุมชนหรือโซนนิ่ง ซึ่งเมืองท่องเที่ยวทั่วโลกก็มีเช่นเดียวกัน อีกทั้งเมืองพัทยาเองก็กำลังดำเนินการในส่วนของพัทยาโมเดล เพื่อจัดระเบียบและกำหนดโซนนิ่งใหม่เพื่อความเป็นระเบียบมากขึ้น
ส่วนเรื่องของโสเภณี คนเร่ร่อนนั้นที่ผ่านมาเมืองพัทยา ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการกวดขันจับกุมและตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง ส่วนผู้ประกอบการร่มเตียง ก็ได้ดำเนินการตามมาตรการของจังหวัดชลบุรี ที่จัดสรรพื้นที่ประกอบการและสันทนาการไว้ในสัดส่วน 50-50% เพียงแต่อาจมีผู้ที่ละเลยและฝ่าฝืนไปบ้าง ซึ่งจากนี้ก็จะลงพื้นที่ไปจัดระเบียบใหม่อีกครั้ง
นายอิทธิพลกล่าวต่อว่า ส่วนแนวชายหาดก็จะมีการจัดสรรงบประมาณลงไปจัดภูมิทัศน์ใหม่ในช่วงกลางปี 55 นี้ รวมถึงเรื่องของการถมทะเลด้วย ทั้งนี้ เมืองพัทยาคงจะไม่ดำเนินการตอบโต้หรือแก้ข้อกล่าวหา แต่ก็จะนำข้อมูลดังกล่าวมาปรับและแก้ไขเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป