น่าน - ภัยแล้งที่จังหวัดน่านเริ่มขยายวงกว้าง อากาศที่ร้อนจัด ส่งผลให้สวนส้มและมะนาวได้รับความเสียหาย เกษตรกรต้องเร่งหาน้ำในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาหล่อเลี้ยงลำต้นไม่ให้ยืนต้นตายมากขึ้น อีกทั้ง เกษตรกรบางสวนต้องเร่งเก็บส่งขาย เพื่อลดการขาดทุน
รายงานข่าวจากจังหวัดน่าน แจ้งว่า จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงนี้ ส่งผลให้พืชผลทางด้านการเกษตรในพื้นที่จังหวัดน่านได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะสวนส้มและมะนาวของเกษตรกรในพื้นที่ อ.ภูเพียง จ.น่าน ที่กำลังเริ่มออกดอก ติดผล ประสบปัญหา ลำต้นแห้ง ใบหยิก และดอกผลเหี่ยวแห้ง ผลไม่โต และสลัดขั้วร่วงหล่นจำนวนมาก เกษตรกรต้องเร่งทำการเก็บผลผลิตไปขายทั้งที่ยังโตไม่เต็มที่ เนื่องจากหากปล่อยไว้อาจทนสภาพความแห้งแล้งไม่ไหวเหี่ยวเฉา ร่วงหล่นเสียหายก่อนได้เก็บขาย
นางบัวจันทร์ บุญทร อายุ 50 ปี เกษตรกรผู้ปลูกมะนาวบ้านหนองรัง อ.ภูเพียง จ.น่าน กล่าวว่า ในปีนี้อากาศเปลี่ยนแปลงมาก ทำให้ผลผลิตของมะนาวที่ปลูกไว้จำนวน 200 กว่าต้น ในพื้นที่ 2 ไร่ ได้รับความเสียหาย ดอกและผลแห้งเหี่ยวมีสีดำ ร่วง เสียหายจนไม่สามารถเก็บขายได้แล้วกว่าครึ่ง ซึ่งขณะนี้ทางเกษตรส่วนหนึ่ง ได้แก้ปัญหาโดยการให้น้ำ เพิ่มขึ้นจากวันละครั้ง ต้องเพิ่มเป็น 2 ครั้ง ทั้งเช้าและเย็น
โดยเฉพาะในช่วงเย็นจะให้มากเป็นพิเศษ ซึ่งบางรายสวนอยู่ไกลแหล่งน้ำ ต้องใช้วิธีตักใส่แล้วหิ้วไปรด ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวดิน ต้นไม้ และลดสภาวะการขาดทุนในช่วงดังกล่าว ขณะที่เกษตรหลายรายตัดใจเก็บผลมะนาวทั้งที่ยังโตไม่เต็มที่ ถึงแม้อาจจะขายได้ราคาไม่สูงแต่ก็ดีกว่าเสี่ยงเหี่ยวเฉา ร่วงหล่น ไม่ได้ขายเลยและขาดทุนในที่สุด
ขณะที่เกษตรกรชาวสวนส้มก็ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งเช่นกัน โดยสภาพอากาศร้อนชื้น ได้ส่งผลให้เกิดโรคเพลี้ยหอยและราชมพูระบาด ทำให้ต้นส้มแห้งเหี่ยวและทยอยยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก บางส่วนก็ ร่วงหล่นก่อนได้เก็บขาย
นายประสงค์ เหลี่ยมโสภณ เจ้าของสวนส้ม บ้านปัวชัย ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน เปิดเผยว่า สภาพอากาศแปรปรวน ร้อนชื้นได้ส่งผลให้เกิดโรคเพลี้ยหอยและราชมพูระบาดไปทั่วในสวนส้มพื้นที่ 24 ไร่ มีต้นส้มจำนวน 1,200 ต้น ส่งผลให้ผลส้มไม่สมบูรณ์ เหลือง เหี่ยวเฉา และสลัดขั้วร่วงก่อนได้เก็บเกี่ยว อีกทั้งโรคราชมพู ยังได้ดูดน้ำเลี้ยงต้น ทำให้ต้นส้มยืนต้นตายไปแล้วจำนวนมาก อีกด้วยจึงอยากวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยดูแลบ้าง