เชียงราย - มือปืนสวมหมวกไอ้โม่ง ลอบยิงพ่อค้าไม้ประดับชื่อดังของอำเภอแม่จัน เมืองพ่อขุนฯ ต่อหน้าลูกชายวัย 9 ขวบคาบ้าน ก่อนซ้อน จยย.คนร่วมแก๊งหนีไร้ร่องรอย ญาติยันไม่เคยมีเรื่องโกรธแค้นกับใคร และทำแต่ธุรกิจขายไม้ประดับ-รับจัดสวนเท่านั้น
เมื่อคืนที่ผ่านมา (3 ก.พ.55)พ.ต.ท.สงกรานต์ สันวงค์ สารวัตรเวร สภ.แม่จัน จ.เชียงราย ได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกยิงด้วยอาวุธปืนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บ้านเลขที่ 255 บ้านปงอ้อ ม.11 ต.แม่จัน อ.แม่จัน และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแม่จัน แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว ได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.เจริญชัย จารุแพทย์ สารวัตรสืบสวนรุดไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลและนำกำลังส่วนหนึ่งไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
จากการตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตชื่อนายสุบิน ไชยศรี อายุ 37 ปี ที่อยู่ตามทะเบียนเลขที่ 458/6 หมู่4 ต.แม่จัน อ.แม่จัน และเป็นเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ รวมทั้งเป็นเจ้าของกิจการแม่จันพันธุ์ไม้ ซึ่งจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับ และรับจัดทำสวนที่มีชื่อเสียง ติดถนนพหลโยธินสายเชียงราย-แม่จัน-แม่สาย มานานนับสิบปี
นายสุบิน ถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าที่ลำคอและหน้าอกด้านขวา ทำให้เสียเลือดมากเกินไป และกระสุนถูกอวัยวะสำคัญ จนเสียชีวิตลง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานแพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง จากนั้นรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านคอนกรีตชั้นเดียวขนาดใหญ่ ที่พึ่งสร้างใหม่บนเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ ใกล้บ้านเป็นสถานที่จำหน่ายต้นไม้ขนาดใหญ่
สำหรับจุดเกิดเหตุเป็นลานคอนกรีตกว้างด้านข้างของตัวบ้าน พบกองเลือดของผู้ตายอยู่หลายจุด รองเท้าแตะสีดำ 1 คู่ หมอนรองกระสุนปืนลูกวอง 1 อัน จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
สอบสวน น.ส.นพมาศ นามฝาง อายุ 32 ปี ภรรยาของนายสุบิน และคนที่เห็นเหตุการณ์อีกบางส่วน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุไม่นานนายสุบิน และ น.ส.นพมาศ พร้อมลูกชายอีก 2 คนได้นั่งรับประทานอาหารกันอยู่ที่หลังบ้านโดยมีแม่บ้านอยู่ด้วยอีก 1 คน หลังรับประทานอาหารเสร็จนายสุบิน พร้อมลูกชายวัย 9 ขวบได้พากันเดินออกจากโรงครัวอ้อมด้านข้างจะไปทางหน้าบ้าน ปรากฎว่า ได้มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด แต่ละคนตกใจจึงออกไปดูก็พบนายสุบิน ถูกยิงล้มลงนอนกับพื้นต่อหน้าลูกชาย
สำหรับคนร้ายเป็นชายรูปร่างเล็ก สวมกางเกงขายาวสีดำ เสื้อยืดสีแดงทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ รองเท้าผ้าใบ แต่สวมหมวกไอ้โม่งทำให้ไม่เห็นใบหน้า ซึ่งหลังก่อเหตุได้วิ่งไปทางสวนต้นไม้ ที่มีต้นไม้และก้อนหินวางอยู่โดยไม่มีรั้ว จากนั้นมีคนร้ายอีกคนจอดรถจักรยานยนต์รออยู่แล้วพากันหลบหนีไป
อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนเบื้องต้นทางญาติไม่ทราบสาเหตุของปมสังหารครั้งนี้ โดยระบุว่า ที่ผ่านมาทำเพียงธุรกิจจำหน่ายต้นไม้และรับจัดสวนหย่อมเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งไม่เคยมีเรื่องโกรธแค้นกับผู้ใดมาก่อน ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสันนิฐานไว้อย่างกว้างๆ ว่า เป็นความขัดแย้งเรื่องธุรกิจ โดยอาจไปรับงานแข่งกับผู้ประกอบการรายอื่น เพราะธุรกิจประเภทนี้มักจะรับงานจากทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอยู่เสมอทำให้เกิดการตัดราคาแข่งขันกัน หรืออาจเกิดจากเรื่องส่วนตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้สืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป