ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้านแปดริ้วกว่า 300 คน ฮือขวางถนนปิดสุวินทวงศ์ ยึดเส้นทางสัญจรต้านการเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าคลองนครเนื่องเขต หลังโครงการยังผุดโรงปั่นไฟขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ขณะเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายพยายามลงพื้นที่เข้าเจรจากล่อมอยู่นานหลายชั่วโมง จนมีบางส่วนยอมร่นถอย ขณะอีกกว่ากึ่งหนึ่งไม่เชื่อมั่นในระบบราชการ หลังที่ผ่านมาตกเป็นเบี้ยล่างของกลุ่มทุนบ่อยครั้ง
วันนี้ (29 ม.ค.) ชาวบ้านจากหลายตำบลในเขตพื้นที่โดยรอบโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าคลองนครเนื่องเขต จำนวนกว่า 300 คน ได้พากันกรูออกมาปิดเส้นทางการสัญจรบนถนนสายสุวินทวงศ์ บริเวณสามแยกสตาร์ไลท์ พื้นที่หมู่ 5 ต.วังตะเคียน อ.เมืองฉะเชิงเทรา ท่ามกลางความงุนงงของผู้คน ประชาชนผู้ที่กำลังใช้เส้นทาง และเกิดปัญหาด้านการจราจร จนรถที่กำลังเคลื่อนผ่านอยู่บนถนนนั้น ติดขัดอย่างหนักทั้งด้านขาเข้าและขาออก ต่อเนื่องยาวไปถึงถนนสาย 314 ฉะเชิงเทรา-บางปะกง และเส้นทางโดยรอบบริเวณ
สาเหตุที่กลุ่มชาวบ้านพากันออกมาปิดถนนในครั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมา การคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าของบริษัท ฉะเชิงเทรา โคเจนเนอเรชั่น จำกัด แห่งนี้ ยังไม่ได้ข้อยุติ หรือมีความชัดเจนใดๆ จนเป็นคำตอบที่น่าพึงพอใจให้แก่ชาวบ้านมาก่อน ทั้งที่ชาวบ้านได้พยายามต่อสู้มาอย่างหลากหลายรูปแบบ และยื่นคัดค้านผ่านไปตามขบวนการของทางกฎหมาย ผ่านทางศาลปกครอง ตามที่ส่วนราชการระดับจังหวัดได้เคยแนะนำไว้แล้วนั้นก็ตาม แต่ก็ยังไม่ได้มีคำสั่งหรือการวินิจฉัยใดๆ ออกมาแต่ทางฝ่ายของโรงไฟฟ้าดังกล่าวกลับยังดำเนินโครงการสร้างต่อไม่หยุด
นอกจากนี้ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ชาวบ้านได้ออกมารวมตัวชุมนุมกันอีกครั้ง โดยได้ยื่นข้อเรียกร้องขอให้ทางฝ่ายนายทุนหยุดดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ผ่านทางตัวแทนจากสำนักนายกรัฐมนตรี และ นางสุมิตรา ศรีสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ได้ลงมารับหนังสือไปดำเนินการตามข้อเรียกร้อง โดยได้ให้เวลาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ และได้นัดหมายออกมารวมตัวกันอีกครั้งในวันนี้ เมื่อเวลา 09.00น.ที่บริเวณวัดแพรกวังตะเคียน ต.วังตะเคียน จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดชุมนุมปิดถนนไปประมาณ 3 กม.
การชุมนุมในวันนี้มีชาวบ้านออกมาร่วมชุมนุมกว่า 700 คน เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงสาย จนในเวลา 11.00 น.นายเริงศักดิ์ มหาวินิจฉัยมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นางสุมิตรา ศรีสมบัติ รองผู้ว่าฯ พร้อมด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ ยังมีผู้ตรวจการจากสำนักนายกรัฐมนตรี คือ นายกมล สุขสมบูรณ์ นายดำรงค์ เครือไพบูลย์กุล จากสำนักนโยบายและแผนด้านสิ่งแวดล้อม รักษาราชการแทน ผอ.สำนักวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และผู้อำนวยการกลุ่มพลังงาน นายอติลักษณ์ อรรถาพิช รองเลขาฯ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และ นายประภาส สีชมพู ผอ.ฝ่ายคุ้มครองสิทธิ สำนักงาน กกพ.ได้เดินทางลงพื้นที่ เพื่อเข้ามาพบปะพูดคุย พร้อมเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ชาวบ้านต่อสู้ไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
โดยที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้เข้าไปดูแล และหาช่องทางในแง่มุมต่างๆ ของกฎหมายตามที่ชาวบ้านสงสัย ว่ากลุ่มนายทุนผู้ก่อตั้งโรงไฟฟ้าดังกล่าวไม่ปฏิบัติไปตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งการขอใช้พื้นที่ในการขออนุญาตก่อตั้ง ทั้งการไม่ทำประชาพิจารณ์ในพื้นที่โครงการก่อสร้าง หรือการทำอีไอเอจากนอกพื้นที่ โดยทำในตำบลหนึ่ง แต่ไปก่อสร้างโรงงานยังอีกพื้นที่หนึ่งรวมถึงผลกระทบที่เป็นมลพิษสิ่งรบกวนต่อชาวบ้าน ซึ่ง นายเริงศักดิ์ ได้รับปากที่จะต่อสู้เคียงข้างไปกับชาวบ้านอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ
การเจรจาใช้เวลาในการพูดคุยอยู่กับชาวบ้านเป็นเวลานานกว่า 3 ชม.โดยได้ขอเวลาชาวบ้านในการทำงานเพียง 1 สัปดาห์ ในการที่จะหาข้อยุติที่ชัดเจนให้แก่ชาวบ้าน ด้วยการจะเรียกผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งส่วนราชการ ฝ่ายตัวแทนชาวบ้าน และฝ่ายนายทุน มาตั้งโต๊ะเจรจา เนื่องจากเป็นผู้ว่าคนใหม่ ที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่ได้เพียง 2 เดือนเศษ จนทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่ง พร้อมแกนนำมีท่าทีอ่อนลง และคล้อยตามที่จะยอมสลายการชุมเดินทางกลับไป แต่ยังมีชาวบ้านอีกส่วนหนึ่ง ที่ยังไม่เชื่อมั่นในคำพูดของผู้ว่าราชการจังหวัด และส่วนราชการที่เดินทางมาในวันนี้
ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมานั้น หน่วยงานระดับจังหวัด และผู้ว่าฯ คนก่อน ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาไปในทิศทางที่ทำให้ชาวบ้านไม่ไว้วางใจมาก่อน โดยได้ขอให้ทางผู้ว่าฯ ปัจจุบัน ดำเนินการ หรือสั่งการใดๆ ให้กลุ่มนายทุนที่กำลังเร่งดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งนี้หยุดดำเนินการลงในทันที เนื่องจากที่ผ่านมานั้นทางฝ่ายนายทุนนั้นได้รุกหน้า เร่งดำเนินการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จึงทำให้ชาวบ้านที่ยังไม่พอใจจำนวนกว่า 300 คน พากันทยอยออกมาชุมชุมปิดขวางถนนในบริเวณดังกล่าว ในเวลา 14.20 น.
ผู้ชุมนุมได้ทำการปิดถนนยึดพื้นผิวการจราจรทั้ง 4 ช่องทาง ทั้งด้านขาเข้าและขา ออกระหว่างหลัก กม.ที่ 71-72 เป็นเวลานานกว่า 2 ชม. จนนายสัณชาญ สกาญจนชัย รักษาการนายอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย พ.ต.อ.สนั่น บุญเผื่อน ผกก.สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้ลงมาเจรจากับกลุ่มชาวบ้านที่ปิดถนน ด้วยการให้คำมั่นว่า จะขอเวลาให้แก่ผู้ว่าฯ ท่านใหม่ ในการดำเนินการตามสิ่งที่ได้ตั้งมั่น และรับปากกับชาวบ้านไว้ในที่ชุมนุมเป็นเวลา 7 วัน
และหากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว ไม่เป็นไปตามที่ชาวบ้านเรียกร้อง หากชาวบ้านจะออกมาใช้สิทธิในฐานะประชาชนพลเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ที่ต้องการมาแสดงออก (ปิดถนน) อีก ทางเจ้าหน้าที่จะไม่เข้ามาขัดขวาง ซึ่งการตอกย้ำและคำร้องขอ พร้อมกับให้คำมั่นดังกล่าวนั้นเป็นที่น่าเชื่อถือได้ เนื่องจาก นายสัณชาญเป็นข้าราชการอยู่ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรามานานนับสิบปี จึงทำให้ชาวบ้านเชื่อถือและพึงพอใจ และยอมสลายการชุมนุมกลับไปในที่สุด เมื่อเวลา 16.30 น.