“ศรีสุวรรณ” ยื่นศาล ปค.กลาง คุ้มครองชั่วคราว เพิกถอนมติใช้ไฟฟรี ชี้ เลือกปฏิบัติชัด

นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ยื่นฟ้องศาลปกครองกลาง เพิกถอนมติ กพช.และ ครม.ให้ใช้ไฟฟรี 90-50 หน่วย อ้างคำสั่งมิชอบด้วยกฎหมาย เลือกปฏิบัติ สร้างความเดือดร้อนกระจายภาระสู่ชาวบ้านที่ใช้ไฟเกิน จี้ กฟน., กฟภ.คืนเงิน ยกเลิกประเภทผู้ใช้ไฟฟ้าให้เก็บอัตราเท่าเทียมกัน พร้อมขอไต่สวนคุ้มครองชั่วคราว

วันนี้ (5 ม.ค.) ที่สำนักงานศาลปกครองกลาง นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน รับมอบอำนาจจากประชาชนและผู้ประกอบการเอกชน รวม 5 ราย ยื่นฟ้อง คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.), คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.), คณะรัฐมนตรี (ครม.), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และ การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ต่อศาลปกครองกลางขอให้เพิกถอน มติ กพช.และ ครม.ที่ให้ประชาชนใช้ไฟฟรี 90 และ 50 หน่วย เนื่องจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและผู้ประกอบกิจการ โดยนโยบายดังกล่าวเป็นการกระจายภาระให้ผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภทที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 90 หน่วยและ 50 หน่วย และให้ กฟภ.- กฟน.คืนเงินที่เรียกเก็บไปแล้วให้กับประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าที่ต้องรับภาระค่าไฟฟ้าดังกล่าวทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มเก็บเดือน ก.ค.2554 มาจนถึงวันที่ศาลมีคำสั่ง หรือคำพิพากษา พร้อมอัตราดอกเบี้ยตามที่ศาลกำหนด

นอกจากนี้ ขอให้ศาลสั่งยกเลิกการจำแนกประเภทของผู้ใช้ไฟฟ้าออกเป็นประเภทต่างๆ และให้กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าที่เท่าเทียมกันทั้งประเทศ โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ให้ กกพ.แก้ไขคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินโครงการกำกับอัตราค่าพลังงาน ให้เกิดความเป็นธรรม โดยแต่งตั้งตัวแทนของผู้ใช้ไฟฟ้าประจำเขตทั้งประเทศ หรือตัวแทนภาคประชาชนชนผู้ใช้ไฟฟ้า เข้าไปเป็นคณะกรรมการดังกล่าวเสีย และหรือในคณะทำงานทุกๆ คณะ ตามพระราชบัญญัติประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 และให้ กกพ.หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำประชาพิจารณ์ หรือจัดกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน หรือผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมายบัญญัติทุกครั้งอย่างทั่วถึง ทั่วประเทศ ก่อนที่จะมีการประกาศใช้ค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ ค่าเอฟที ต่อผู้ใช้ไฟฟ้าที่จะต้องได้รับผลกระทบต่อการประกาศค่าเอฟทีดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังปรากฏว่า กฟภ.ได้ดำเนินการเรียกเก็บค่าใช้ไฟฟ้าจากผู้ฟ้องและประชาชน ผู้ประกอบการต่างๆ ทั่วประเทศแล้ว ก่อให้เกิดความเดือดร้อนและเสียหายเกิดขึ้นกับผู้ฟ้องคดีและผู้ใช้ไฟฟ้าเกิน 90 และหรือ 50 หน่วยทั่วประเทศ จึงขอให้ศาลไต่สวนเพื่อกำหนดมาตรการ หรือวิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยสั่งให้ผู้ถูกฟ้องระงับการเก็บค่าใช้ไฟฟ้าส่วนเกินจากการใช้ไฟฟ้าฟรีกับผู้ที่ใช้ไฟฟ้าเกินครัวเรือนละ 50 หน่วยต่อเดือนจากประชาชน หรือเอกชนที่ประกอบกิจการ ทั้งนี้ ศาลปกครองกลาง รับไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 10/2555 เพื่อพิจารณาและมีคำสั่งต่อไปว่าจะประทับรับฟ้องคดีหรือไม่

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า นโยบายดังกล่าวถือว่าเป็นนโยบายที่ดี ซึ่งรัฐบาลในอดีตเคยเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง แต่พอมาในรัฐบาลยุคนี้กลับดำเนินการผลักภาระค่าใช้จ่ายของผู้ใช้ไฟฟ้าฟรีดังกล่าวไปให้ประชาชนทุกครัวเรือน ผู้ประกอบการขนาดเล็ก จนถึงขนาดใหญ่ทุกรายที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 90 หน่วย หรือเกิน 50 หน่วย ให้ร่วมรับผิดชอบต่อค่าไฟฟ้าฟรีดังกล่าว

“พบข้อมูลจากสมาคมแช่เยือกแข็งไทยรายงานว่าผู้ประกอบการบางจังหวัดถูกเรียกเก็บค่าไฟฟ้าสูงขึ้นกว่าอัตราที่ใช้ในแต่ละรอบเดือนตั้งแต่เดือน ก.ค.54 ที่ผ่านมา เช่น จ.สงขลา เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จ.ระนอง เพิ่มขึ้นร้อยละ 58 จ.จันทบุรี เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 อีกทั้งประชาชนบางครัวเรือนในช่วงน้ำท่วมที่ผ่านก็มีการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าสูงกว่าปกติมาก ทั้งๆ ที่ชาวบ้านไม่ได้อยู่บ้านเลยตลอดช่วงน้ำท่วม” นายศรีสุวรรณ กล่าวและว่า การดำเนินการดังกล่าวของรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องถือได้ว่า เป็นการดำเนินการโดยมิชอบ มีการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 30 และขัดต่อ พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน 2550 มาตรา 7(4) โดยชัดแจ้ง