สุพรรณบุรี - ผู้ว่าฯ สุพรรณบุรี แถลงชี้แจงเหตุการณ์พลุระเบิดกลางงานเทศกาล “ตรุษจีนสุพรรณบุรี ปีทองมังกรสวรรค์” ระบุสาเหตุที่พลุระเบิดไม่ได้เกิดจากการตั้งพลุเอียง เผย พร้อมประกาศให้ความช่วยเหลือประชาชนเบื้องต้น ตามระเบียบเงินทดรองราชการของกระทรวงการคลังว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จะดำเนินการจ่ายให้ครัวเรือนละ 50,000 บาท
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (27 ม.ค.) ที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ศาลาการเปรียญ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี แถลงข่าวเหตุพลุระเบิดในงาน“ตรุษจีนสุพรรณบุรี ปีทองมังกรสวรรค์” เพื่อแจ้งถึงสาเหตุที่พลุระเบิด ผู้รับผิดชอบ และการช่วยเหลือเยียวยา โดยมีประชาชนในพื้นที่ชุมชนวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หลังศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และชุมชนใกล้เคียง หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและคณะสื่อมวลชนเข้าร่วมฟังการแถลงข่าวด้วย
ในเบื้องต้นขอแจ้งให้ทราบว่า จากกฎของกระทรวงมหาดไทยที่กำกับดูแลเรื่องพลุ มี 4 ประการ คือ การประกอบพลุ การสั่ง การนำเข้า หรือการค้า จึงจะมีใบอนุญาต แต่ถ้าใครมีพลุอยู่แล้วจะทำการจุดพลุก็สามารถทำได้ไม่ผิดกฎหมาย และจะมีจำนวนเท่าใดก็ได้ แต่การดำเนินความผิดนั้น แจ้งไว้ว่าเป็นวัตถุอันตราย มีความผิดทางอาญาและทางแพ่ง ซึ่งทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ทำการสืบสวนสอบสวน พบว่า ยังมีคณะเจ้าหน้าที่จุดพลุ รอดชีวิตอีกหนึ่งราย
และสาเหตุที่พลุระเบิดไม่ได้เกิดจากการตั้งพลุเอียง จากคำบอกเล่าบอกว่าเกิดจากพลุไม่สมบูรณ์ ขึ้นมาจากพื้นดินเพียงเล็กน้อยและระเบิด จึงทำให้สะเก็ดระเบิดไปถูกพลุที่ยังไม่ได้จุด จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น นอกจากนี้ ยังไม่ทราบว่า มีการนำพลุเข้ามาเก็บไว้เป็นจำนวนมาก ในฐานะพ่อเมืองจะทราบได้ก็ต่อเมื่อ ไปดูด้วยตนเองหรือมีเรื่องร้องเรียน ในกรณีนี้ไม่ได้มาดูด้วยตนเองและไม่มีผู้ร้องเรียน จึงต้องกราบขออภัยมา ณ โอกาสนี้
สำหรับการให้ความช่วยเหลือประชาชนเบื้องต้น ตามระเบียบเงินทดรองราชการของกระทรวงการคลังว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จะดำเนินการจ่ายให้ครัวเรือนละ 50,000 บาท โดยจะสำรวจพื้นที่ได้รับความเสียหายตามข้อเท็จจริงที่แจ้ง ตรวจสอบรายชื่อ และบ้านเลขที่ไม่ให้ซ้ำซ้อน ส่วนต่างที่เหลือนอกจากนี้ อาทิ เครื่องใช้ภายในบ้าน จะเป็นการช่วยเหลือเยียวยาจากคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และคณะผู้จัดงานและเร่งรัดให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีการประสานและบูรณาการร่วมกันกับภาครัฐทุกฝ่าย
ดังนั้น ขอเรียนให้ทราบว่า สภาพความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของประชาชนต้องได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างทั่วถึงทุกครัวเรือน ซึ่งสำคัญที่สุด คือ การดำรงชีวิตของประชาชนที่ถูกผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (27 ม.ค.) ที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจ ศาลาการเปรียญ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี แถลงข่าวเหตุพลุระเบิดในงาน“ตรุษจีนสุพรรณบุรี ปีทองมังกรสวรรค์” เพื่อแจ้งถึงสาเหตุที่พลุระเบิด ผู้รับผิดชอบ และการช่วยเหลือเยียวยา โดยมีประชาชนในพื้นที่ชุมชนวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ หลังศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และชุมชนใกล้เคียง หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและคณะสื่อมวลชนเข้าร่วมฟังการแถลงข่าวด้วย
ในเบื้องต้นขอแจ้งให้ทราบว่า จากกฎของกระทรวงมหาดไทยที่กำกับดูแลเรื่องพลุ มี 4 ประการ คือ การประกอบพลุ การสั่ง การนำเข้า หรือการค้า จึงจะมีใบอนุญาต แต่ถ้าใครมีพลุอยู่แล้วจะทำการจุดพลุก็สามารถทำได้ไม่ผิดกฎหมาย และจะมีจำนวนเท่าใดก็ได้ แต่การดำเนินความผิดนั้น แจ้งไว้ว่าเป็นวัตถุอันตราย มีความผิดทางอาญาและทางแพ่ง ซึ่งทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ได้ทำการสืบสวนสอบสวน พบว่า ยังมีคณะเจ้าหน้าที่จุดพลุ รอดชีวิตอีกหนึ่งราย
และสาเหตุที่พลุระเบิดไม่ได้เกิดจากการตั้งพลุเอียง จากคำบอกเล่าบอกว่าเกิดจากพลุไม่สมบูรณ์ ขึ้นมาจากพื้นดินเพียงเล็กน้อยและระเบิด จึงทำให้สะเก็ดระเบิดไปถูกพลุที่ยังไม่ได้จุด จึงเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น นอกจากนี้ ยังไม่ทราบว่า มีการนำพลุเข้ามาเก็บไว้เป็นจำนวนมาก ในฐานะพ่อเมืองจะทราบได้ก็ต่อเมื่อ ไปดูด้วยตนเองหรือมีเรื่องร้องเรียน ในกรณีนี้ไม่ได้มาดูด้วยตนเองและไม่มีผู้ร้องเรียน จึงต้องกราบขออภัยมา ณ โอกาสนี้
สำหรับการให้ความช่วยเหลือประชาชนเบื้องต้น ตามระเบียบเงินทดรองราชการของกระทรวงการคลังว่าด้วยการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน จะดำเนินการจ่ายให้ครัวเรือนละ 50,000 บาท โดยจะสำรวจพื้นที่ได้รับความเสียหายตามข้อเท็จจริงที่แจ้ง ตรวจสอบรายชื่อ และบ้านเลขที่ไม่ให้ซ้ำซ้อน ส่วนต่างที่เหลือนอกจากนี้ อาทิ เครื่องใช้ภายในบ้าน จะเป็นการช่วยเหลือเยียวยาจากคณะกรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมือง และคณะผู้จัดงานและเร่งรัดให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีการประสานและบูรณาการร่วมกันกับภาครัฐทุกฝ่าย
ดังนั้น ขอเรียนให้ทราบว่า สภาพความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของประชาชนต้องได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างทั่วถึงทุกครัวเรือน ซึ่งสำคัญที่สุด คือ การดำรงชีวิตของประชาชนที่ถูกผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ จะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
