อุบลราชธานี - ตำรวจคุ้มครองผู้บริโภคบุกจับรถสวมสิทธิ์ไม่แสดงฉลาก บุกตรวจค้นเต็นท์ขายรถมือสองสงสัยสวมทะเบียน หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ซื้อรถไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ เบื้องต้นใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคอายัดทั้ง 6 คันไว้ตรวจสอบที่มาก่อน
เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 24 ม.ค. พ.ต.อ.ถาวร ดุลยวิทย์ ผกก.2 บก.ปคบ. หรือกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เข้าตรวจค้นเต็นท์จำหน่ายรถยนต์มือสอง ชื่อ สุเมธรถบ้าน ตั้งอยู่เลขที่ 270-272 ถ.สถิตย์นิมานกาล เทศบาลเมืองวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี หลังรับแจ้งจากประชาชนที่ซื้อรถจากเต็นท์รถดังกล่าวและไม่สามารถรับโอนทะเบียนรถยนต์ได้
จากการเข้าตรวจค้นพบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหลายยี่ห้อจำนวน 6 คัน แสดงโชว์ไว้ที่เต็นท์ขายรถดังกล่าว และพบนายสุขุม ขุนโยธี อายุ 29 ปี พนักงานขายรถอยู่ภายในร้านคนเดียว
ส่วนเจ้าของเต็นท์รถทราบชื่อว่านายสุเมธ ไสยสมบัติ ไม่อยู่ที่ร้าน และพบว่ารถยนต์ที่วางจำหน่ายทั้งหมดไม่มีการติดแสดงฉลากทางการค้าที่บังคับให้ผู้จำหน่ายรถยนต์มือสอง ต้องแสดงปีการจดทะเบียน รวมทั้งสภาพการใช้งานที่ผ่านมา ซึ่งผิด พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ที่ไม่ติดแสดงฉลากการค้า
รวมทั้งมีความผิดฐานประกอบการค้าของเก่าโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้อายัดรถทั้งหมดไว้ตรวจสอบ ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก บก.ปคบ.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ซื้อรถยนต์มือสองจากเต็นท์ดังกล่าว หลังผ่อนชำระค่างวดรถจนเสร็จสิ้นแต่ไม่สามารถขอโอนทะเบียนรถมาเป็นของตนได้ เมื่อสอบถามทางเต็นท์รถที่ขายให้ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยง จึงสงสัยว่ารถที่นำมาขายให้ประชาชนจะเป็นรถที่ได้รับมาจากการกระทำความผิดแล้วนำมาสวมทะเบียน แต่เมื่อเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่ไม่พบสมุดคู่มือประจำรถจึงได้อายัดรถทั้งหมดไว้ตรวจสอบตาม พ.ร.บ.ต่างๆ พร้อมให้นายสุเมธเจ้าของเต็นท์มาให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ต่อไป
ด้านนายสุเมธ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าตนประกอบอาชีพขายรถมือสองมานานกว่า 16 ปีมีความชำนาญเพียงพอการซื้อขายรถจะต้องมีการตรวจสอบสมุดคู่มือกับกรมการขนส่งทางบกก่อนทุกคันโดยต้องเป็นรถที่สามารถโอนทะเบียนได้ จึงจะซื้อมาขายให้กับลูกค้า และไม่เคยนำรถจากบ่อนการพนัน หรือรถผิดกฏหมายอื่นมาขายแต่สาเหตุที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเชื่อว่า ถูกคู่แข่งกลั่นแกล้งเพราะรถของตนมีราคาขายถูกกว่าทุกเต้นท์รถมือสองในจังหวัดอุบลราชธานี
"จึงอยากขอความเป็นธรรมด้วย เพราะธุรกิจของผมเสียหายเมื่อมีข่าวลบออกไปแต่ไม่ติดใจใคร เพราะต้องการเดินหน้าทำมาหากินต่อไป" นายสุเมธ กล่าว
เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 24 ม.ค. พ.ต.อ.ถาวร ดุลยวิทย์ ผกก.2 บก.ปคบ. หรือกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค เข้าตรวจค้นเต็นท์จำหน่ายรถยนต์มือสอง ชื่อ สุเมธรถบ้าน ตั้งอยู่เลขที่ 270-272 ถ.สถิตย์นิมานกาล เทศบาลเมืองวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี หลังรับแจ้งจากประชาชนที่ซื้อรถจากเต็นท์รถดังกล่าวและไม่สามารถรับโอนทะเบียนรถยนต์ได้
จากการเข้าตรวจค้นพบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหลายยี่ห้อจำนวน 6 คัน แสดงโชว์ไว้ที่เต็นท์ขายรถดังกล่าว และพบนายสุขุม ขุนโยธี อายุ 29 ปี พนักงานขายรถอยู่ภายในร้านคนเดียว
ส่วนเจ้าของเต็นท์รถทราบชื่อว่านายสุเมธ ไสยสมบัติ ไม่อยู่ที่ร้าน และพบว่ารถยนต์ที่วางจำหน่ายทั้งหมดไม่มีการติดแสดงฉลากทางการค้าที่บังคับให้ผู้จำหน่ายรถยนต์มือสอง ต้องแสดงปีการจดทะเบียน รวมทั้งสภาพการใช้งานที่ผ่านมา ซึ่งผิด พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค ที่ไม่ติดแสดงฉลากการค้า
รวมทั้งมีความผิดฐานประกอบการค้าของเก่าโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้อายัดรถทั้งหมดไว้ตรวจสอบ ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก บก.ปคบ.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนที่ซื้อรถยนต์มือสองจากเต็นท์ดังกล่าว หลังผ่อนชำระค่างวดรถจนเสร็จสิ้นแต่ไม่สามารถขอโอนทะเบียนรถมาเป็นของตนได้ เมื่อสอบถามทางเต็นท์รถที่ขายให้ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยง จึงสงสัยว่ารถที่นำมาขายให้ประชาชนจะเป็นรถที่ได้รับมาจากการกระทำความผิดแล้วนำมาสวมทะเบียน แต่เมื่อเข้าตรวจค้นเจ้าหน้าที่ไม่พบสมุดคู่มือประจำรถจึงได้อายัดรถทั้งหมดไว้ตรวจสอบตาม พ.ร.บ.ต่างๆ พร้อมให้นายสุเมธเจ้าของเต็นท์มาให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ต่อไป
ด้านนายสุเมธ กล่าวว่า ขอยืนยันว่าตนประกอบอาชีพขายรถมือสองมานานกว่า 16 ปีมีความชำนาญเพียงพอการซื้อขายรถจะต้องมีการตรวจสอบสมุดคู่มือกับกรมการขนส่งทางบกก่อนทุกคันโดยต้องเป็นรถที่สามารถโอนทะเบียนได้ จึงจะซื้อมาขายให้กับลูกค้า และไม่เคยนำรถจากบ่อนการพนัน หรือรถผิดกฏหมายอื่นมาขายแต่สาเหตุที่ถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเชื่อว่า ถูกคู่แข่งกลั่นแกล้งเพราะรถของตนมีราคาขายถูกกว่าทุกเต้นท์รถมือสองในจังหวัดอุบลราชธานี
"จึงอยากขอความเป็นธรรมด้วย เพราะธุรกิจของผมเสียหายเมื่อมีข่าวลบออกไปแต่ไม่ติดใจใคร เพราะต้องการเดินหน้าทำมาหากินต่อไป" นายสุเมธ กล่าว
