ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - สมาคมผู้ค้าใบยาสูบเปิดแถลงข่าว ครม.อนุมัติสร้างโรงงานยาสูบที่เชียงใหม่-ขึ้นราคารับซื้อใบยาสูบ หลังเคยร้องเรียนรัฐทบทวนสร้างโรงงานยาสูบใหม่ที่นิคมฯ โรจนะ ระบุทราบข้อมูลจากที่ปรึกษา “บุญทรง”พร้อมมีข่าวผู้บริหาร ร.ย.ส.ลงสื่อช่วยยืนยัน สุดงงเช็คมติ ครม.แล้วไม่พบเรื่อง แถมข่าวโรงงานยาสูบมีแค่อนุมัติงบศึกษายังไม่ใช่สร้างจริง
วันนี้ (20 ม.ค. 2555) ที่ห้องอิมพีเรียล 5 โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง จ.เชียงใหม่ สมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบไทย (ส.ย.ท.) แถลงข่าวความคืบหน้าการขอให้รัฐบาลทบทวนการสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ ในพื้นที่ก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และการปรับขึ้นราคาใบยาสูบของสำนักงานไร่ยาสูบ โดยมีตัวแทนจากสมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบจากจังหวัดต่างๆ ในเขตภาคเหนือเข้าร่วม
นายสุธี ชวชาติ นายกสมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบ จ.ลำปาง เปิดเผยว่าสมาคมได้รับทราบข้อมูลว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างโรงงานยาสูบ ในพื้นที่ของโรงงานยาสูบที่บ้านแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยโรงานยาสูบแห่งใหม่ที่ก่อสร้างในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะนั้นจะยังคงดำเนินการก่อสร้างต่อไป แต่อาจจะลดขนาดหรือปรับรูปแบบการผลิต และสร้างโรงงานที่เชียงใหม่ให้เป็นโรงงานแห่งที่สอง
ขณะที่ในส่วนของการเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นราคาใบยาสูบนั้น ได้รับทราบข้อมูลเช่นกันว่าทางโรงงานยาสูบจะทำการปรับขึ้นราคาใบยาสูบให้อีกกิโลกรัมละ 11 บาท จากเดิมที่ปัจจุบันโรงงานยาสูบรับซื้อใบยาสูบเฉลี่ยที่ 91 บาทต่อกิโลกรัม
นายสุธีกล่าวว่า สมาคมรู้สึกพอใจกับการตัดสินใจก่อสร้างโรงงานยาสูบที่ จ.เชียงใหม่ เนื่องจากเห็นว่า จะเป็นหลักประกันที่สำคัญว่าการผลิตบุหรี่ของโรงงานยาสูบจะยังสามารถดำเนินต่อไปได้ หากในอนาคตโรงงานในกรุงเทพฯ หรือที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะประสบปัญหาอุทกภัย เพราะถ้าโรงงานยาสูบไม่สามารถผลิตบุหรี่ได้จะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสมาชิกของสมาคม รวมไปถึงเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบซึ่งมีโรงงานยาสูบเป็นลูกค้ารายใหญ่
ส่วนการปรับขึ้นราคาใบยาสูบนั้น แม้จะยังไม่ได้ราคาตามที่เคยร้องขอ แต่กุถือว่ายอมรับได้ เนื่องจากต้องเห็นใจทั้งรัฐบาลและโรงงานยาสูบด้วย เพราะการขึ้นราคาใบยาสูบจะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตบุหรี่ของโรงงานยาสูบด้วยเช่นกัน
การแถลงข่าวในครั้งนี้ สืบเนื่องจากการยื่นข้อเรียกร้องของสมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบไทย เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2554 ที่ต้องการให้รัฐบาลทบทวนนโยบายการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากเกรงว่าการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ในพื้นที่ ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมานั้นมีความเสี่ยงสูง และเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนโครงการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเห็นว่าการก่อสร้างในพื้นที่ของโรงงานยาสูบเองจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุน โดยได้ยื่นเรื่องดังกล่าวต่อนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม การแถลงข่าวในวันนี้ของสมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบไทยถูกสื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตถึงข้อมูลที่ว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างโรงงานยาสูบ ในพื้นที่ของโรงงานยาสูบที่บ้านแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการใหญ่ แต่กลับไม่มีข่าวปรากฏออกมาหรือมีการแถลงข่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ทั้งนี้ตัวแทนสมาคมชี้แจงว่า ทราบเรื่องดังกล่าวผ่านการประสานงานกับที่ปรึกษาของนายบุญทรง และการให้ข้อมูลในข่าวของผู้บริหารโรงงานยาสูบ ที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์บางฉบับ
จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่จริง แต่เป็นเพียงการกล่าวถึงมติของที่ประชุมคณะกรรมการยาสูบเมื่อวันที่ 18 ม.ค. ซึ่งมีมติให้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาสถานที่และความสามารถในการผลิตของโรงงานยาสูบแห่งใหม่ เพื่อนำมาเสริมการผลิตของโรงงานที่กำลังก่อสร้างในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ หลังจากที่โรงงานยาสูบได้เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการยาสูบ เพื่อขออนุมัติจ้างที่ปรึกษาในการหาพื้นที่เหมาะสมแห่งใหม่สำหรับก่อสร้างโรงงานยาสูบ ภายหลังจากที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากเหตุอุทกภัยในปีที่ผ่านมา
โดยในส่วนของสถานที่ที่จะศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการก่อสร้างโรงงานยาสูบนั้น ประกอบด้วยพื้นที่บ้านแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ และที่ อ.เด่นชัย จ.แพร่
นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบผลการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 15 ม.ค. 2555 ในเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (www.cabinet.thaigov.go.th) ยังไม่พบว่ามีการรายงานมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่แต่อย่างใด
วันนี้ (20 ม.ค. 2555) ที่ห้องอิมพีเรียล 5 โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง จ.เชียงใหม่ สมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบไทย (ส.ย.ท.) แถลงข่าวความคืบหน้าการขอให้รัฐบาลทบทวนการสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ ในพื้นที่ก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และการปรับขึ้นราคาใบยาสูบของสำนักงานไร่ยาสูบ โดยมีตัวแทนจากสมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบจากจังหวัดต่างๆ ในเขตภาคเหนือเข้าร่วม
นายสุธี ชวชาติ นายกสมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบ จ.ลำปาง เปิดเผยว่าสมาคมได้รับทราบข้อมูลว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างโรงงานยาสูบ ในพื้นที่ของโรงงานยาสูบที่บ้านแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยโรงานยาสูบแห่งใหม่ที่ก่อสร้างในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะนั้นจะยังคงดำเนินการก่อสร้างต่อไป แต่อาจจะลดขนาดหรือปรับรูปแบบการผลิต และสร้างโรงงานที่เชียงใหม่ให้เป็นโรงงานแห่งที่สอง
ขณะที่ในส่วนของการเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นราคาใบยาสูบนั้น ได้รับทราบข้อมูลเช่นกันว่าทางโรงงานยาสูบจะทำการปรับขึ้นราคาใบยาสูบให้อีกกิโลกรัมละ 11 บาท จากเดิมที่ปัจจุบันโรงงานยาสูบรับซื้อใบยาสูบเฉลี่ยที่ 91 บาทต่อกิโลกรัม
นายสุธีกล่าวว่า สมาคมรู้สึกพอใจกับการตัดสินใจก่อสร้างโรงงานยาสูบที่ จ.เชียงใหม่ เนื่องจากเห็นว่า จะเป็นหลักประกันที่สำคัญว่าการผลิตบุหรี่ของโรงงานยาสูบจะยังสามารถดำเนินต่อไปได้ หากในอนาคตโรงงานในกรุงเทพฯ หรือที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะประสบปัญหาอุทกภัย เพราะถ้าโรงงานยาสูบไม่สามารถผลิตบุหรี่ได้จะก่อให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสมาชิกของสมาคม รวมไปถึงเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบซึ่งมีโรงงานยาสูบเป็นลูกค้ารายใหญ่
ส่วนการปรับขึ้นราคาใบยาสูบนั้น แม้จะยังไม่ได้ราคาตามที่เคยร้องขอ แต่กุถือว่ายอมรับได้ เนื่องจากต้องเห็นใจทั้งรัฐบาลและโรงงานยาสูบด้วย เพราะการขึ้นราคาใบยาสูบจะส่งผลต่อต้นทุนการผลิตบุหรี่ของโรงงานยาสูบด้วยเช่นกัน
การแถลงข่าวในครั้งนี้ สืบเนื่องจากการยื่นข้อเรียกร้องของสมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบไทย เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2554 ที่ต้องการให้รัฐบาลทบทวนนโยบายการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากเกรงว่าการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ในพื้นที่ ซึ่งได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมานั้นมีความเสี่ยงสูง และเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนโครงการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่ที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเห็นว่าการก่อสร้างในพื้นที่ของโรงงานยาสูบเองจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุน โดยได้ยื่นเรื่องดังกล่าวต่อนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น
อย่างไรก็ตาม การแถลงข่าวในวันนี้ของสมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบไทยถูกสื่อมวลชนตั้งข้อสังเกตถึงข้อมูลที่ว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างโรงงานยาสูบ ในพื้นที่ของโรงงานยาสูบที่บ้านแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากโครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการใหญ่ แต่กลับไม่มีข่าวปรากฏออกมาหรือมีการแถลงข่าวจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ทั้งนี้ตัวแทนสมาคมชี้แจงว่า ทราบเรื่องดังกล่าวผ่านการประสานงานกับที่ปรึกษาของนายบุญทรง และการให้ข้อมูลในข่าวของผู้บริหารโรงงานยาสูบ ที่ปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์บางฉบับ
จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่จริง แต่เป็นเพียงการกล่าวถึงมติของที่ประชุมคณะกรรมการยาสูบเมื่อวันที่ 18 ม.ค. ซึ่งมีมติให้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาสถานที่และความสามารถในการผลิตของโรงงานยาสูบแห่งใหม่ เพื่อนำมาเสริมการผลิตของโรงงานที่กำลังก่อสร้างในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ หลังจากที่โรงงานยาสูบได้เสนอเรื่องต่อคณะกรรมการยาสูบ เพื่อขออนุมัติจ้างที่ปรึกษาในการหาพื้นที่เหมาะสมแห่งใหม่สำหรับก่อสร้างโรงงานยาสูบ ภายหลังจากที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากเหตุอุทกภัยในปีที่ผ่านมา
โดยในส่วนของสถานที่ที่จะศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการก่อสร้างโรงงานยาสูบนั้น ประกอบด้วยพื้นที่บ้านแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ และที่ อ.เด่นชัย จ.แพร่
นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบผลการประชุมคณะรัฐมนตรี วันที่ 15 ม.ค. 2555 ในเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (www.cabinet.thaigov.go.th) ยังไม่พบว่ามีการรายงานมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับเรื่องการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่แต่อย่างใด