“ประพันธ์” ยันหมดที่พึ่งสิ้นหวัง ขรก.ตัวแทนประเทศ อัด “มาร์ค” อย่าแหล พฤติกรรมบ่งชัดไม่มีน้ำยา เหน็บไม่ต้องยัดเยียดความเป็นธรรมโยนคดีให้ พธม. ระบุระบบการเมืองล้มเหลว นักการเมืองชั่ว บิ๊กทหารเลว กระตุ้นทหารผู้น้อยที่รักชาติ จัดการนายใหญ่เรียกศักดิ์ศรีกองทัพคืน
วันที่ 5 มิ.ย. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวถึงกระแสโหวตโน หลัง ศ.ดร.อมร จันทรสมบูรณ์ นำมาวิเคราะห์เชื่อมโยงกับสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน จนทำให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อนรนออกมาเรียกร้องทำนองให้ประชาชนลงคะแนนให้เขา อ้างจะได้ไม่ต้อเจอกับภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น ใจความสำคัญที่ ศ.ดร.อมร สื่อพยายามบอกว่า ตลอดตั้งแต่เปลี่ยนการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย มีการเลือกตั้งผ่านมา 25 ครั้งแล้ว ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าคงเป็นประชาธิปไตยจริงๆ เพราะ มีการเลือกตั้ง มีกฎหมายรัฐธรรมนูญ แต่ในความเป็นจริง ระบอบที่เป็นอยู่ ไม่ถือเป็นระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่เป็นเพียงการเปิดช่องให้บรรดานักเลง นักลงทุน รวมหัวกันจัดตั้งเป็นพรรคการเมือง ไปยึดกุมอำนาจประเทศ ผ่านกลไกการซื้อเสียง ทำให้พรรคการเมืองในทุกพรรคมีนายทุนเป็นเจ้าของ ที่สามารถสั่ง ส.ส. ให้หันซ้ายขวา ยกมือโหวตตามคำสั่งนายทุนได้
ส่วนอันตรายประการที่สองของระบอบประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ เมื่อพรรคการเมืองเป็นเจ้าของ เป็นนายของ ส.ส. ทำให้ ส.ส. ไม่มีอิสระในการทำงาน เห็นได้จากไม่ค่อยมี ส.ส.หน้าไหนกล้าโหวตแหกมติพรรค หากขืนทำมีหวังถูกขับออกจากพรรคเป็นแน่ ดังนั้น การเมืองแบบนี้ไม่เป็นผลดีคนนอก กุมอำนาจทั้งฝ่ายบริหาร จะออกกฎหมายเอื้อธุรกิจเคลื่อนกลไกผ่าน ส.ส.ที่ตัวเองสั่งได้ และประการที่สาม ศ.ดร.อมร กล่าวว่าเมืองของไทยจะแก้ไขได้ต้องมีผู้นำที่มีความรู้ ความสามารถ กล้าหาญ ในระดับรัฐบุรุษ ซึ่งจะมาแบบไหนก็ได้ที่ประชาชนสนับสนุน ไม่จำกัดต้องมาจากการเลือกตั้งเท่านั้น
นายประพันธ์กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์อ้าง “พ.ต.ท.ทักษิณ วางแผนบันได 4ขั้นในการนิรโทษกรรมให้ตนเอง โดยนายอภิสิทธิ์จะไม่ยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้ประชาชนเป็นบันไดเหยียบ และจะบอกพี่น้องประชาชนไม่ควรเป็นบันใดให้พ.ต.ท.ทักษิณเหยียบ ด้วยการให้ประชาชนบอกชัดๆว่าบ้านเมืองต้องการข้ามพ้นความต้องการของคนคนเดียว” นั้น ตนว่าน้ำหน้าอย่างนายอภิสิทธิ์ที่ว่าจะไม่ปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณเหยียบ ความจริงเขาเหยียบจนประชาชนจะตายหมดแล้ว และกำลังมาเหยียบรอบสอง ทั้งที่คุณมีอำนาจอยู่ในมือ แต่ไม่คิดจัดการ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบอบทักษิณ วันนี้นายอภิสิทธิ์มาขอประชาชนให้เลือกเพื่อจะได้เป็นนายกอีก พฤติกรรมที่ผ่านมาชี้ชัดถึงความสามารถแล้วใครจะเชื่อว่า เป็นนายกฯอีกจะมีน้ำยาจัดการ พ.ต.ท.ทักษิณได้ ดังนั้นคุณอย่ามากล่าวหาว่านักการเมืองเลวมีแค่พ.ต.ท.ทักษิณ หรือระบอบทักษิณ เพื่อแหกตาประชาชนอีกเลย ทุกวันนี้ประชาชนเขารู้ทันถึงได้โหวตโน ก้าวให้พ้นจากนักการเมืองทุกพรรค รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ ด้วย
สำหรับประเด็นที่นายอภิสิทธิ์บอกขั้นสุดท้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือการเปลี่ยนคำพิพากษาจากติดคุกให้เป็นรอลงอาญา ตรงนี้ความจริงแล้วนักการเมืองไทยเมื่อมีอำนาจก็ทำความเลวช่วยตัวเองเหมือนกันหมด รวมถึงตัวนายอภิสิทธิ์ด้วย ขนาด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ สั่งสลายชุมนุมยิงแก๊สน้ำตาใสพันธมิตรฯ จนตาย ก็ยังหาทางช่วย เป็นรัฐบาลมีอำนาจก็ตั้งคณะไปช่วยคนเผาบ้านเผาเมือง เมื่อเป็นอย่างนี้แล้วจะมาอ้างทำไม เพราะหาก พ.ต.ท.ทักษิณกลับมามีอำนาจ เขาก็ทำแบบที่คุณทำ
นายประพันธ์กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ชวนประชาชน “ก้าวให้พ้นไปลงคะแนนหากไม่เอาเรื่องแบบนี้ หากมีโอกาสกลับมาบริหารประเทศอีกจะให้ความเป็นธรรมทุกคน” นั้น ตนก็อยากถามว่า 2 ปีที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ให้ความเป็นธรรมกับใครบ้าง นอกจากช่วยพวกตัวเองแก้เกมไปวันๆเพื่อรักษาเก้าอี้ตัวเองเท่านั้น ขณะที่กับประชาชนที่อออกมาต่อสู้อย่างสุจริตโดนคดีกับเป็นแถบ นี้หรือความเป็นธรรมที่นายอภิสิทธิ์ยัดเยียดให้ประชาชน คนอย่างนายอภิสิทธิ์ไม่อยู่ในฐานะจะมาให้ความเป็นธรรมได้ ประชาชนสู้ด้วยตัวเองทั้งนั้น ที่คุณบอกก้าวให้พ้น พี่น้องภาคประชาชนเขาหลุดพ้นแล้ว ไม่เอานักการเมืองประเภทอัปรีย์ไปจัญไรมา ด้วยการกาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใคร ไม่ใช่เลือกคนเลวฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ส่วนกรณีที่นายอภิสิทธิ์ไปให้สัมภาษณ์ว่ามีคนไปร้องเรียน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อดีเอสไอ โดยการออกตัวก่อนว่าไม่เกี่ยวข้องด้วยนั้น ทุกคนเขารู้ดีว่าหมอตุลย์กับคุณสนิทกันอย่างไร ฟ้องกันไปมาพยายามหาความผิดอีกฝ่ายเพื่อชูว่าตัวเองดี มันก็เป็นเกมการเมืองทำลายฝ่ายตรงข้าม ประชาชนและประเทศชาติไม่ได้ประโยชน์ อย่างไรก็ดี หากนายอภิสิทธิ์คิดว่าเขาทำผิดทำชั่วจริง ทำไมไม่สั่งดีเอสไอลุยเล่นงาน พ.ต.ท.ทักษิณ กับระบอบทักษิณ ด้วยตัวคุณเองมีอำนาจในมือ ไม่จำเป็นต้องมาพึ่งประชาชนเลย หากไม่กล้าทำ ต่อให้กลับมาเป็นนายกฯอีก ก็จะขี้ขลาดตาขาวเหมือนเดิม
นายประพันธ์กล่าวว่า การเมืองวันนี้ไม่สามารถเป็นที่พึ่งได้ เพราะนักการเมืองทุกฝ่ายต่างหาเสียงเอาดีใส่ตัว ไม่มีใครยอมรับเป็นตัวปัญหาของบ้านเมือง ทำบ้านเมืองล่มจม จะแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ต้องแก้ปัญหาที่ตัวของนักการเมืองเสียก่อน หากไม่แก้ก็ถึงเวลาที่ประชาชนต้องออกมาแก้ปัญหาด้วยตัวเอง ครั้นจะพึ่งทหารก็เจอทหารที่คลุมกองทัพเห็นแก่เศษเงิน แล้วไปครอบงำทหารชั้นผู้น้อยให้ทำตามอีกที ด้วยเหตุนี้ตนจึงอยากเรียกร้องทหารระดับล่าง หากยังมีจิตวิญญาณทหารอยู่ อย่าไปฟังคำสั่งหัวหน้าใหญ่ เพราะพวกนี้กำลังดึงกองทัพไปลงนรก เอากองทัพเป็นเครื่องมือต่อรองหากินกับนักการเมือง พวกท่านต้องลุกขึ้นมาจัดการนายของท่าน เพราะนายของท่านมันเลวจริงๆ ครอบงำมอมเมาลูกน้อง ด้วยความคิดผิดๆ จนไร้ซึ่งศักดิ์ศรีกองทัพ ขนาดฮุนเซนยังไม่กลัวเลย แล้วจะไปรบกับใครได้
“บ้านเมืองอยู่ไม่ได้แล้ว เต็มไปด้วยนักการเมืองชั่ว ผู้บริหารประเทศเลว ทหารก็รับเศษเงินของนักการเมือง การไปสุมหัวกันตั้งรัฐบาลแทนที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาชาติ กลับกลายเป็นสุมหัวกันปล้นประเทศ แล้วอย่างนี้จะเอาไว้ทำไม เราถึงต้องช่วยตัวเองด้วยรณรงค์โหวตโนปฏิรูปประเทศ”
คำต่อคำ
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักทุกท่าน และกราบสวัสดีพี่น้องทางบ้าน และพี่น้องชาวไทยที่อยู่ในต่างประเทศด้วยครับ ความจริงแล้วเมื่อสักครู่ก่อนที่ผมจะขึ้นมาเวที พี่น้องชาวไทยที่อยู่ต่างประเทศท่านก็โทรเข้ามา แต่โทรเข้ามาในช่วงเวลาที่กำลังชุลมุน กำลังจะดูคำสัมภาษณ์ของท่าน อ.อมร จันทรสมบูรณ์ และกำลังเตรียมตัวที่จะขึ้นเวที ก็เลยต้องขออภัยว่า เสียงสัญญาณที่ท่านโทรมาจากต่างประเทศมันไม่ค่อยชัดเจน ฟังติดๆ ขัดๆ ผมก็เลยกราบเรียนท่านว่าให้โทรมาใหม่แล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมพูดเสร็จแล้วท่านค่อยโทรมาก็ได้นะครับ ก็ต้องขอบคุณครับที่ห่วงใยประเทศชาติบ้านเมือง ท่านโทรมาจากแอริโซนาครับ บอกชื่อมาด้วย และที่สำคัญก็คือ ท่านบอกว่าท่านโทรคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 3 ครั้ง แล้วจะเล่าให้ฟัง ด้วยเรื่องที่ห่วงใยประเทศชาติบ้านเมือง คือท่านคงได้ยินว่าผมเอ่ยถึงเรื่องทำนองนี้ ท่านก็บอกว่าท่านนี่ล่ะเป็นผู้หนึ่งที่โทรไปหา ผบ.ทบ.เรื่องการดูอธิปไตยของชาติ และแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองในขณะนี้ แต่ว่าที่ผมพูดถึงนั่นเป็นคนไทยอีกจำนวนหนึ่ง แต่ท่านบอกว่าท่านเป็นคนหนึ่ง ก็เลยจะมาเล่าให้ฟัง แต่ผมทราบแล้วว่าเนื้อหาสาระก็คงจะเป็นไปว่า พูดไปเท่าไรเขาก็ไม่ใส่ใจในการที่จะทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติบ้านเมืองเลยครับ นี่คือความที่ท่านรู้สึกเสียใจ
พี่น้องครับ ก่อนจะไปพูดถึงประเด็นเรื่องของที่ท่าน อ.อมร จันทรสมบูรณ์ ได้พูดถึงเมื่อสักครู่นี้ ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นประเด็นสำคัญที่อยากจะมาพูดคุยกับพี่น้องในวันนี้เหมือนกัน เพื่อเติมเต็มและแลกเปลี่ยนความรู้กับพ่อแม่พี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่เฉพาะกับพวกเราเฉพาะที่นี่ เพราะว่าประเด็นเรื่องการที่เรารณรงค์โหวตโนในขณะนี้กำลังเป็นประเด็นใหญ่ของประเทศ และของสังคมครับ ต้องปรบมือให้กับการทำงานที่เข้มแข็งของพ่อแม่พี่น้องประชาชนของเราทุกคนครับ ที่มีส่วนร่วมในครั้งนี้
ประเด็นเรื่องนี้มันกำลังขยายออกไปในวงกว้าง แล้ววันนี้ เมื่อเย็นนี้เอง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็รู้สึกว่าจะร้อนรนมาก ถึงได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่เรียกร้องให้พี่น้องประชาชนไปลงคะแนนให้เขา พูดง่ายๆ ไปเลือกเขาให้มากๆ เพราะจะได้ไม่เจอกับภัยของทักษิณ พูดทำนองนั้นครับ เดี๋ยวก็จะตอบคุณอภิสิทธิ์ในประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน
เรื่องที่อยากจะพูดคุยกับพี่น้องในช่วงแรกนี้ก็คือว่า ประเด็นที่ อ.อมร จันทรสมบูรณ์ ท่านพูดถึงความเป็นประชาธิปไตยของประเทศเรา ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่เป็นประเด็นสำคัญ เพราะว่าการเลือกตั้งเราก็ผ่านมาตั้ง 25 ครั้ง ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 26 ตั้งแต่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองมา หลายคนก็บอกว่าประเทศไทยคงเป็นระบอบประชาธิปไตยไปแล้ว เพราะมีการเลือกตั้ง มีสภาผู้แทนราษฎร มีนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง มีรัฐธรรมนูญประกาศใช้มาหลายฉบับแล้ว แต่โดยความเป็นจริงถ้าพี่น้องฟังจากระดับปรมาจารย์ ผู้รู้ และผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายมหาชน และท่านก็เป็นอดีตเลขาฯ กฤษฎีกา ซึ่งเป็นสำนักงานที่ปรึกษาทางกฎหมายของรัฐบาลที่ใหญ่ที่สุด สำนักงานกฤษฎีกา ท่านก็เป็นเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว จึงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในทางการเมือง ในทางกฎหมาย และเข้าใจกลไกของระบอบการปกครอง เป็นผู้ที่เข้าใจกลไกของระบอบรัฐธรรมนูญ ของประเทศทั่วโลกเป็นอย่างดี เพราะท่านศึกษาทะลุปรุโปร่ง และก็รู้ว่า ถ้าจะเป็นประชาธิปไตยจริงๆ แบบที่เป็นอยู่ในประเทศไทยนี้ ไม่ถือว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยครับ
ถ้าฟังจากเนื้อหาที่ท่านพูด ก็คงตรงกันกับที่ผมพูดไปแล้วเมื่อวานนี้ ก็คือระบอบที่เราเป็นอยู่ในขณะนี้ ทุกวันนี้ ที่เรามีรัฐธรรมนูญ และมีการเลือกตั้งนั้น เป็นแต่เพียงการเปิดช่องทางและโอกาสให้บรรดาพวกกุ๊ย อันธพาล นักเลง นายทุน พวกทุจริตคดโกง มารวมกันตั้งเป็นพรรคการเมือง แล้วก็มายึดกุมอำนาจการปกครองของประเทศ โดยผ่านวิธีการเลือกตั้ง ที่ใช้เงินเป็นอำนาจในการซื้อเสียงเท่านั้นเองครับ การเลือกตั้งประเทศไทยเป็นแค่นี้ ไม่ได้มีอะไรดีกว่านี้ เพราะฉะนั้นทุกพรรค พี่น้องดูให้ดีนะครับ ทุกพรรค มีนายทุน มีเจ้าของ มีผู้มีอิทธิพลตัวจริงเสียงจริงในพรรค ที่สามารถสั่งให้ ส.ส.ซ้ายหัน ขวาหัน และโหวตตามคำสั่งของนายทุนเจ้าของพรรคได้ทั้งสิ้น ทุกพรรค ไม่เว้นแม้กระทั่งพรรคเดียวในประเทศไทย
พรรคประชาธิปัตย์ที่อ้างว่าเป็นสถาบันทางการเมืองนั้น ไม่จริงครับ เป็นแบบเดียวกันทุกพรรค คือเป็นกลุ่มก๊วน แก๊งการเมือง โดยมีนายทุนเจ้าของพรรค และมีผู้มีอิทธิพลเหนือพรรค พรรคประชาธิปัตย์วันนี้พูดได้เต็มปากว่า กลุ่มทุนที่หนุนหลังนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ คือกลุ่มที่คุมอำนาจและสั่ง ส.ส.ซ้ายหัน ขวาหัน เช่นเดียวกับพรรคนายบรรหาร พรรคนายสุวัจน์ พรรคทักษิณ พรรคนายเนวิน เหมือนกันหมดทุกพรรคครับ และอันตรายประการที่ 2 ที่ท่าน อ.อมร ท่านชี้ให้เห็นก็คือว่า การที่พรรคการเมือง เมื่อเลือกตั้งเข้ามาแล้วสามารถคุมอำนาจทั้งฝ่ายบริหาร และคุมอำนาจทั้งฝ่ายสภาได้ โดย ส.ส.ไม่มีความเป็นอิสระในการทำงาน แม้รัฐธรรมนูญจะเขียนว่า ให้ ส.ส.มีอิสระในการทำงาน ไม่จำเป็นต้องโหวตตามมติพรรค แต่พี่น้องเห็นมั้ยครับ มี ส.ส.คนไหนบ้างกล้าโหวตแหกมติพรรค ถ้าโหวตแหกมติพรรค ก็ถูกขับออกนอกพรรค ใช่มั้ยครับ
เพราะฉะนั้นเมื่อพรรคการเมืองเป็นเจ้าของ เป็นนายของ ส.ส.รัฐบาลที่มาจากนายกรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส. จัดตั้งโดยพรรคการเมือง เป็นคนคุมอำนาจ สั่งการ ก็คุมฝ่ายบริหารได้ และหลังจากนั้นในสภาจะออกกฎหมายอะไร ก็สั่ง ส.ส.ให้ซ้ายหัน ขวาหัน โหวตหรือไม่โหวต เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ตามคำสั่งของมติพรรคได้อีกเช่นกัน นี่คือระบบทาสของการเมืองในระบอบประชาธิปไตยแบบไทยๆ ครับ ซึ่งมันขัดกับหลักประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง
ประการที่ 3 ท่านก็ให้ข้อสังเกตว่า ผมขอสรุปนะครับ เพราะคุณสนธิฝากว่า ช่วยสรุปให้หน่อยว่า อ.อมร พูดอะไร ประการที่ 3 อ.อมร ก็ให้ข้อคิดเห็นว่า การเมืองในประเทศไทยจะแก้ไขได้ มันจะต้องมีผู้นำ ต้องมีคนที่กล้าหาญ และมีความรู้ความสามารถในระดับที่จะเป็นได้ ในระดับรัฐบุรุษของประเทศเท่านั้น จึงจะแก้ไขปัญหาได้ ความเป็นผู้นำที่เป็นรัฐบุรุษต้องมีความรู้ ความสามารถ ความซื่อสัตย์ ความกล้าหาญ และมีอำนาจ มีประชาชนให้การสนับสนุนอย่างท่วมฟ้าท่วมแผ่นดิน จึงจะสามารถเอาชนะระบอบการเมืองเก่าที่ใช้เงินเป็นอำนาจได้ครับ
นั่นก็คือ ต้องมีผู้นำที่เสียสละ และผู้นำที่จะเสียสละ ที่จะมาแก้ไขการเมืองระบอบนี้ ท่านยังพูดต่อไปอีกว่า จะมาแบบไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง จะเป็นนักการเมืองได้ก็ดี ถ้านักการเมืองสำนึก ดวงตาเห็นธรรม และเห็นแก่ประโยชน์ของชาติบ้านเมือง แล้วกล้าที่จะเสียสละและมาแก้ไขปัญหา ซึ่งที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ก็พยายามอยากจะทำตัวว่า จะมาเป็นผู้แก้ปัญหา จะมาทำให้การเมืองหลุดพ้นจากการเมืองที่ล้มเหลว วันนี้ก็ให้สัมภาษณ์อีก ว่าผมจะพาบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า หาเสียงก็บอกจะพาบ้านเมืองไปข้างหน้า ทั้งๆ ที่ตัวเองลากดึงประเทศลงนรก จึงห่างไกลจากคำว่ารัฐบุรุษเยอะ
เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้วถ้าจะเทียบคำว่ารัฐบุรุษนะ ขนาดคนบางคนไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมือง นี่ในวงการสังคม ดาราในต่างประเทศ นิตยสารไทม์มันยังยกย่องให้ดาราที่ชื่อจอร์จ คลูนีย์ ให้เป็นรัฐบุรุษ Celebrity เห็นมั้ยครับ ทำไมนิตยสารไทม์จึงไปยกย่องนายจอร์จ คลูนีย์ ซึ่งเป็นดาราฮอลลีวูด ที่เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ไว้ทรงผมคล้ายๆ กับผมนี่ล่ะครับ จอร์จ คลูนีย์ ใครที่เคยดูหนัง ดาราดังๆ คนนี้ก็คงรู้
จอร์จ คลูนีย์ เสียสละตัวเองเข้าไปช่วยคนแอฟริกาในซูดาน ที่เกิดสงครามกลางเมือง เกิดการต่อสู้รบราฆ่าฟัน เกิดการปฏิวัติโค่นล้มผู้นำ และเกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พี่น้องประชาชน คนนี้เขาก็เข้าไปช่วย เพื่อทำให้เกิดสันติภาพ และทำให้ซูดานรอดพ้นจากสถานการณ์วุ่นวาย โดยการถือว่ากิจกรรมที่เขาเข้าไปทำนั้น เป็นการเสียสละเพื่อสังคม เพื่อส่วนรวม คือดาราเมืองไทยทำเรื่องเล็ก แต่ดาราฝรั่งมันคิดเรื่องใหญ่ เพราะฉะนั้นการเป็น Celeb ที่มีบทบาทในสังคม เขาก็เลยหันไปทำเรื่องใหญ่ๆ แบบนี้ ก็เลยได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่อาศัยชื่อเสียง ความโด่งดัง ความมีหน้ามีตาของตัวเอง ไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความยากลำบาก ประเทศที่ยากจนและประสบปัญหา อย่างนี้เขายังยกย่องให้เป็นรัฐบุรุษ Celebrity เลยครับ
แต่นายอภิสิทธิ์ หรือนักการเมืองไทยทุกคน เรื่องใหญ่มันไม่ทำครับ มันทำอย่างเดียวว่าเลือกตั้งคราวนี้ ครั้งหน้าเนี่ย ทำยังไงกูจะได้เป็นนายกฯ และจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อเสียง จะเอานโยบายอะไรไปแจกประชาชน จะหากลยุทธ์อะไรมาหลอกต้ม เล่นละครตบตาให้ประชาชนหลงงมงายไปลงคะแนนให้ตัวเอง เท่านั้นเอง ไม่ได้คิดอะไร ไอ้ที่ได้เป็นแล้วบอกจะมาแก้ไขปัญหานั้นปัญหานี้ โกหกทั้งเพ ใช่มั้ยครั้ง ตอแหลประชาชนทั้งนั้น ไม่มีใครกล้าจะมาสู้กับปัญหาจริงๆ ไม่ว่าจะปัญหาเรื่องอะไร จะแก้ความยากจนของประเทศ จะแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคม จะแก้ไขปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น ปกป้องดินแดน เอกราช อธิปไตย เรื่องใหญ่ๆ ไม่มีวันที่นักการเมืองจะคิดเป็น นักการเมืองไทยคิดอย่างเดียว ได้อำนาจแล้วโกง สร้างเมกะโปรเจกต์ โกง แล้วก็หาเงินเพื่อเตรียมเลือกตั้งในครั้งต่อไปเท่านั้นเอง นี่คือนักการเมืองไทยครับ
เพราะฉะนั้นที่ท่าน อ.อมร บอกว่ามันต้องมีผู้กล้า มีผู้นำ ที่จะเป็นรัฐบุรุษของประเทศ ที่จะมาแก้ไข ประเทศไทยเคยมีรัฐบุรุษมาแล้ว คือ ฯพณฯ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นายปรีดี พนมยงค์ และ พล.อ.เปรม ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น State Man เป็นรัฐบุรุษ เพราะอะไรครับ เพราะ ฯพณฯ พล.อ.เปรม แก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติได้สำเร็จลุล่วง นั่นก็คือตั้งแต่ปี 2500 มา ประเทศไทยมีสงครามภายใน จนกระทั่งมาถึงยุคท่าน ปี 2519, 20, 21, 22, 23 ในช่วงที่ท่านเป็นนายกฯ ท่านยุติสงครามภายในประเทศที่คนไทยฆ่ากัน ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์ กับกองทัพไทย กับรัฐบาลไทย สู้รบกันมาเป็นสิบๆ ปี พล.อ.เปรม สามารถยุติสงครามภายใน จนกระทั่งทุกวันนี้ คอมมิวนิสต์สลายตัวไปหมดแล้ว
เมื่อก่อนนี้ที่วัดพระศรีมหาธาตุ วัดโสมฯ วัดต่างๆ ต้องมีการเผาศพทหารทุกวันครับ เหมือนกับวันนี้เริ่มมีความไม่สงบในภาคใต้แล้ว แต่ยุคนั้นหนักกว่านี้ครับ พล.อ.เปรม สามารถคลี่คลายวิกฤตของประเทศได้
สอง ประเทศรอบบ้านเป็นคอมมิวนิสต์หมด เวียดนามเข้ามาช่วยเขมร เตรียมจะบุกประเทศไทย รอบบ้านนี่เปลี่ยนแปลงเป็นระบอบคอมมิวนิสต์หมด ฯพณฯ พล.อ.เปรม พาประเทศฝ่าวิกฤตของทฤษฎีโดมิโน ประเทศไม่ต้องตกเป็นคอมมิวนิสต์ และดำรงความเป็นเอกราชของชาติไทย ดำรงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ให้ดำรงอยู่จนเท่าทุกวันนี้ครับ ถึงได้รับยกย่อง
เมื่อก่อนเรามีความขัดแย้ง รัฐบาลเผด็จการฆ่านักเรียน นิสิต นักศึกษา ภาคใต้มีขบวนการโจรแบ่งแยกดินแดน ความขัดแย้งทางการเมืองถึงคนไทยฆ่ากันเอง เผาบ้านเผาเมือง เกิดขึ้นในช่วง 6 ตุลาฯ มาแล้ว แต่เหตุการณ์เหล่านั้นสงบ ราบรื่น และคลี่คลายมาได้ ด้วยความรู้ความสามารถและการทุ่มเทแก้ไขปัญหาของผู้นำประเทศในยุคนั้น ท่านจึงได้รับการยกย่องเป็นรัฐบุรุษด้วยเหตุฉะนี้ครับ
ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ ไม่ต้องพูดถึง จากที่ประเทศเข้าโปรแกรมไอเอ็มเอฟ ต้องแบ่งปันส่วนน้ำตาล น้ำมัน ประเทศเราก็ฟื้นฟูทางด้านเศรษฐกิจ ประหยัด มัธยัสถ์ ปิดไฟแต่หัวค่ำ ท่านพาบ้านเมืองฝ่าวิกฤตมา ขุดค้นพบแก๊ส พบน้ำมัน และทำให้ประเทศไทยผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ มาสู่ยุคโชติช่วงชัชวาล การค้าการขายกับต่างประเทศดีขึ้น เราส่งเสริมการท่องเที่ยว เอาจริงเอาจัง นายกฯ เดินทางไปต่างประเทศที่ไหน หอบภาคเอกชนไปด้วย ไปดูตลาดการค้าการขาย ไปดูตลาดลู่ทางส่งเสริมการท่องเที่ยว ประเทศฟื้นฟูมาได้ด้วยผู้นำที่ซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ และไม่โกงไม่กิน เราจึงรอดมาได้
แต่วันนี้หานักการเมืองแบบนั้นได้มั้ย แต่ว่าท่าน พล.อ.เปรม ท่านมาจากเลือกตั้งมั้ย มาจากหัวหน้าพรรคการเมืองมั้ย ไม่ได้มาจากนักการเมือง ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคการเมืองเลยครับ แต่ก็สามารถเป็นรัฐบุรุษของชาติได้
นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งทุกคน มาปล้น มาโกง มาทุจริต พอหลังจากยุค พล.อ.เปรม ยุค พล.อ.ชาติชาย มาก็ buffet cabinet กินกันแดกด่วน แจกกันกิน ประเทศฉิบหาย จนกระทั่งต่อมาจนถึงชวลิต บรรหาร ทักษิณ มาจนถึงขณะนี้ บ้านเมืองยังโงหัวไม่ขึ้น เพราะนักการเมืองเลวแท้ๆ ครับ ไม่ใช่อะไรเลย ประเทศเราน่ะ
เพราะฉะนั้นที่ อ.อมร ท่านพูดน่ะถูกแล้วว่า ปมเงื่อนสำคัญปัญหาของประเทศเราต้องแก้ที่ปัญหาการเมืองครับ ถ้าไม่แก้ปัญหาการเมือง เราไม่สามารถที่จะพาชาติบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ นี่คือสิ่งที่ท่านพูด แต่ประเด็นสำคัญที่ท่านพูดต่อมาก็คือเรื่องโหวตโน ว่าการโหวตโน การไม่ประสงค์ลงคะแนนนั้น จะมีส่วนช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงปัญหาของชาติบ้านเมืองมั้ย ท่านบอกว่า การโหวตโนนั้น เป็นการจุดประกายให้คนไทยตื่นขึ้นมารับรู้ปัญหาของชาติว่าจะปล่อยให้นักการเมืองครอบงำหรือกุมชะตากรรมของประเทศ ของประชาชนต่อไปไม่ได้ นั่นเองครับ
โหวตโนเป็นการปลุกให้ประชาชนตื่นรู้เกี่ยวกับปัญหาของชาติว่ามันถึงจุดสุดท้ายที่ไม่แก้ไม่ได้แล้ว แต่ขั้นตอนต่อไปอยู่ที่ว่า เราจะหาวิธีแก้ไขทางการเมืองนี้อย่างไร แต่ก่อนอื่นมันต้องทำให้คนไทยตื่นขึ้นมารับรู้ปัญหาร่วมกันก่อน โดยการปฏิเสธนักการเมือง ใช่มั้ยครับ เพราะถ้าเรากล้าปฏิเสธนักการเมือง พรรคการเมือง ไปลงคะแนนโดยไม่ประสงค์ลงคะแนน กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนแล้ว จะเป็นการบอกให้นักการเมือง พรรคการเมือง และคนไทยทั้งประเทศรู้ว่า พวกเราที่ไปกาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนคือผู้ที่รู้ ผู้ที่ตื่น ผู้ที่พร้อมจะเข้าร่วมขบวนการเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองครับ นี่คือหัวใจสำคัญของโหวตโน
นอกจากนั้น คุณูปการมันคืออะไรครับ การไปกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน วันนี้ผมชอบมาก ไม่รู้ใครพูดว่านี่คือการปฏิวัติเงียบทางการเมืองครับ โดยใช้วิธีการเดินเข้าคูหา ไปลงคะแนนไม่ประสงค์ลงคะแนน เป็นการประท้วงและปฏิวัติเงียบ กบฏต่ออำนาจทางการเมืองในระบอบปัจจุบันครับ
ยิ่งถ้าเราไปโหวตโน ไปลงช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนมากเท่าไร ยิ่งจะแสดงให้เห็นพลังที่จะปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการเมือง เข้มแข็ง เอาจริงเอาจัง และมีพลัง สามารถจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแน่นอนครับ และนักการเมืองจะต้องเกรงกลัวพลังเสียงของพวกเรานี้ เพราะเป็นพลังเสียงที่ซื้อไม่ได้ และไม่ยอมจำนนก้มหัวให้กับนักการเมือง ใช่มั้ยครับ
เพราะฉะนั้นก็ตรงกับที่นักรัฐศาสตร์หลายคนก็พูด อ.จำรัส สุวรรณเวลา ท่านก็บอกว่าหลายประเทศมีการแก้รัฐธรรมนูญ ว่าถ้านักการเมือง พรรคการเมืองคนไหนแพ้คะแนนโหวตโน และได้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ จะต้องไปสู่กระบวนการให้มีการเลือกตั้งใหม่จนกว่าจะได้คะแนนเกินกว่ากึ่งหนึ่ง นี่หลายประเทศเขามีอย่างนี้จริงๆครับ เพราะฉะนั้นการโหวตของเรามันจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ในวันข้างหน้าอย่างแน่นอนครับ
นี่ก็คือเนื้อหาสาระโดยรวมที่ อ.อมร พูดถึง และท่านก็ได้ให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชนด้วย โดยทัศนะความเห็นอันสุจริตใจของท่านว่าโหวตโนเป็นของดี เป็นเรื่องที่ปลุกให้ประชาชนตื่นมารับรู้ปัญหา ถ้าได้ทำให้ทุกคนมารู้ปัญหาและคิดหาทางแก้ร่วมกัน ก็จะเป็นผลดีกับชาติบ้านเมือง อย่างนี้ผมคิดว่าน่าจะทำให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนที่รับฟังอยู่ทางบ้านและทั่วโลก ได้เข้าใจว่าแนวทางที่เรารณรงค์โหวตโนครั้งนี้ เป็นแนวทางที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์เพื่อชาติบ้านเมืองแล้ว เราจึงเดินหน้าต่อไป ใช่มั้ยครับ
ผมดูข่าวก็เห็นพี่น้องรณรงค์โหวตโนกันไปเยอะ ไปในหลายท้องถิ่น ไปในหลายพื้นที่ วันนี้ป้ายรณรงค์โหวตโนติดเต็มบ้านเต็มเมืองแล้วครับ และเป็นป้ายที่โดดเด่นที่สุดครับ ทำให้นักการเมืองร้อนรนไปหมด แสดงว่าการทำงานของเรา การรณรงค์ของเราได้ผลใช่มั้ยครับ พรรคบางพรรคยังไม่เคยตื่นตระหนกตกใจกลัวกับโหวตโน วันนี้ก็ออกมาพูดในลักษณะว่าโหวตโนจะทำให้เสียภาพลักษณ์ของประเทศ ไปโน่นเลย ทำให้เป็นการประจาน หรือเป็นการไม่ให้เกียรตินักการเมือง ทำลายภาพลักษณ์ทางการเมืองของประเทศในสายตาประชาชน เป็นการก่อกวนทางการเมือง สารพัดที่จะหาข้ออ้างมาพูด ความจริงแล้วพูดได้คำเดียวครับ ภาพลักษณ์ของประเทศที่มันตกต่ำย่อยยับ เพราะประเทศเรามีนักการเมืองเลวมากเกินไปนั่นเอง ไม่ใช่เรื่องที่ประชาชนตื่นขึ้นมารณรงค์เลย ที่ประชาชนตื่นขึ้นมาและมารณรงค์อย่างนี้ล่ะ นี่คือหน้าตาของประเทศ แสดงให้เห็นว่าคนไทยไม่โง่ดักดาน ยอมเป็นเบี้ยล่างนักการเมืองเลวนั่นเอง
เพราะฉะนั้นประเทศที่เจริญแล้ว ประเทศที่มีอารยธรรมทางการเมืองเขาย่อมมองมาเห็นว่าประเทศไทยกำลังจะเกิดพลังปฏิวัติเงียบ เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ บางประเทศบอกเป็นปฏิวัติทิวลิป บางประเทศเป็นปฏิวัติดอกไม้ เรื่องนั้นเรื่องนี้ก็ว่ากันไป แต่ในประเทศไทยนี้จะชื่อว่าการปฏิวัติด้วยพลังโหวตโนครับ
เพราะคนเข้าคูหา ถ้ากาเป็นล้านๆ เป็นสิบล้านนี่เป็นเรื่องใหญ่เลยครับ เท่ากับประชาชนลุกขึ้นมาปฏิวัติระบอบการเมืองเก่านั่นเอง โดยใช้สิทธิ์อันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ โดยไม่ต้องใช้ปืน และไม่ต้องใช้การเผาบ้านเผาเมืองด้วยครับ นี่จึงเป็นพลังที่น่าส่งเสริมอย่างยิ่ง
ทีนี้ ไหนๆ เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้วก็พูดต่อในประเด็นที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์วันนี้ เมื่อตอนเย็นนี้เองว่า คำสัมภาษณ์ของคุณอภิสิทธิ์เรื่องนี้สะท้อนนัยหลายอย่างครับ สะท้อนนัยว่า เมื่อเวลา 18.45 น.ของวันนี้ นายอภิสิทธิ์ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 5 มิถุนาฯ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯ วางแผนบันได 4 ขั้นในเรื่องการนิรโทษกรรมว่า ตนไม่ทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีกี่ขั้น แต่จะไม่ยอมให้ประชาชนเป็นบันไดให้คุณทักษิณเหยียบ และพี่น้องประชาชนก็ไม่ควรจะยอมเป็นบันไดให้คุณทักษิณเหยียบ ให้ตกบันไดไปตั้งแต่ชั้นแรก ด้วยการให้ประชาชนบอกชัดๆ ว่า บ้านเมืองนี้ต้องการที่จะก้าวพ้นความต้องการของคนๆ เดียว
พี่น้องฟังบทสัมภาษณ์แล้วอยากจะอ้วกมั้ยครับ คือจับความเนื้อหาระหว่างบรรทัดอย่างนี้นะครับ คุณอภิสิทธิ์พยายามจะสื่อความหมายว่า ทักษิณวางแผนบันได 4 ขั้น เพื่อจะก้าวกลับฟื้นคืนอำนาจและมานิรโทษกรรมให้กับตัวเอง แต่อภิสิทธิ์ประกาศบอกว่า เขาจะไม่ยอมให้ประชาชนเป็นบันไดให้คุณทักษิณเหยียบ คุณนั่นเหรอ น้ำหน้าอย่างคุณนั่นเหรอ คุณปล่อยให้พวกเราโดนมันเหยียบมาไม่รู้เท่าไรแล้ว ถ้าคุณไม่ปล่อยให้ทักษิณเหยียบประชาชน เขาเผาบ้านเผาเมือง ทำไมคุณไม่จัดการ ใช่มั้ยครับ เขาเผาบ้านเผาเมือง ทำไมคุณไปประกันตัวเขาออกมาครับ คุณไม่ยอมให้ทักษิณเหยียบเหรอ พี่น้องราชประสงค์น่ะ โดนไฟไหม้ เวิลด์เทรด ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคารร้านค้าที่เขาทำมาหากินอยู่ที่นั่น โดนเผาไหม้เรียบจนกระทั่งทุกวันนี้ ประชาชนตายไปตั้งนานแล้ว ถูกเหยียบไปตั้งนานแล้ว คุณยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ คุณทำอะไรบ้างที่บอกว่าจะไม่ยอมให้ทักษิณมาเหยียบประชาชนน่ะ นอกจากมุดหัวอยู่ในราบ 11 เจ๊าะแจ๊ะอยู่กับนายศิริโชค โสภา 2 คน
วันนี้ยังมีหน้ามาพูดอีกว่าจะไม่ยอมให้ทักษิณเหยียบประชาชน ทักษิณมันเหยียบประชาชนตายห่าหมดแล้ว และกำลังจะกลับมาเหยียบรอบ 2 อีกครับ ผมถึงบอกว่า คุณพูดได้ไม่อายปากครับ คุณอภิสิทธิ์ แล้วก็ยังมีหน้ามาบอกว่าพี่น้องจะไม่ยอมเป็นบันไดให้คุณทักษิณเหยียบ ใช่ พี่น้องอย่างพวกเราน่ะไม่ยอมให้เขาเหยียบแน่ แต่พี่น้องที่สอพลอพวกคุณต่างหากที่จะยอมให้ทักษิณเหยียบ
ถ้าคุณไม่ยอม คุณทำอะไร คุณมีอำนาจอยู่แล้ว คุณมีอำนาจ เป็นนายกฯ เป็นรัฐบาลอยู่แล้ว ที่คุณบอกว่าจะไม่ยอมให้ทักษิณมาเหยียบนั้น คุณทำอะไรครับ คุณทำอะไรที่จัดการกับทักษิณ ระบอบทักษิณ และขบวนการของคนเสื้อแดง คุณทำอะไร นอกจากทำให้มันเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม ใช่มั้ยครับ คุณต่างหากที่เป็นคนทำให้เข้มแข็ง
วันนี้คุณมาขออำนาจจากประชาชน ขอเป็นนายกฯ อีกรอบหนึ่ง แล้วมีใครจะเชื่อน้ำยาคุณว่าคุณจะไปจัดการกับทักษิณ ใช่มั้ยครับ ไม่มีใครเชื่อคุณเลย นอกจากนายเจิมศักดิ์เท่านั้นที่เชื่อคุณหัวปักหัวปำ จะบอกให้
น้ำหน้าน้ำยาอย่างคุณน่ะเหรอจะไปสู้กับทักษิณ ไม่อยากพูดเลย ไอ้หำน้อยเอ๊ย น้ำหน้าอย่างคุณน่ะไปไกลๆ เลย คุณไม่มีวันที่จะมาสู้กับทักษิณได้หรอก ถ้าไม่ใช่พวกเรา ไม่มีวันที่ใครจะไปทานอำนาจเขาได้
เพราะฉะนั้นเมื่อสักครู่นี้ ที่คุณสนธิพูดว่าวันนี้ไม่รู้ว่าสถาบันหลักของชาติ รวมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ จะมีใครเป็นที่พึ่ง ที่ท่านพูดนั้น อาจจะเป็นการพูดด้วยความน้อยใจต่อบรรดาทหารหาญ ที่ควรที่จะทำหน้าที่ในการปกป้องสถาบัน แต่ไอ้หัวแถวไม่กี่คนเท่านั้น ที่ทำให้ทหารต้องเสื่อมเสียเกียรติภูมิในสายตาประชาชน ใช่มั้ยครับ คงไม่ใช่ทหารทุกคนหรอก แต่ไอ้หัวแถวไม่กี่คนน่ะที่ได้ผลประโยชน์จากนักการเมืองมันจึงไม่ทำหน้าที่ที่ควรจะทำในฐานะผู้มีหน้าที่ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงเหลือเพียงพี่น้องประชาชนที่ยอมตายเพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างพวกเรานี้ที่พร้อมจะออกหน้า ใช่มั้ยครับ และนักการเมืองอย่างนายอภิสิทธิ์ก็ดีแต่หาประโยชน์ และหวังเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เรื่องจะมาสู้เพื่อปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์นั้น เมินเสียเถอะ เอาตัวเองยังไม่รอด จะตายวันตายพรุ่งยังไม่รู้เลย ช่วยตัวเองยังไม่ได้ จะมาช่วยชาติบ้านเมือง ช่วยพี่น้องประชาชนได้อย่างไร
เพราะฉะนั้นที่บอกว่าพวกเราเป็นพลังที่จะเป็นที่พึ่งของแผ่นดิน ของสถาบันหลักของชาตินั้น ก็ไม่ได้พูดเพื่อจะยกตัวพวกเราเอง เพื่อไปข่มและดูถูกบรรดาทหารและเหล่าทัพหรอก โดยส่วนใหญ่ผมก็ยังเชื่อว่าทหารส่วนใหญ่นั้นรักชาติ ทุกคนอย่างแน่นอน มีไอ้ทหารหัวโจกที่เป็นหัวหน้าเท่านั้นที่มันรักชาติจนน้ำลายไหล เพราะรับเศษเงินของนักการเมือง มีไม่กี่คน
เพราะฉะนั้นในวันที่เราไปยื่นหนังสือ ขอให้ปกป้องดินแดน เอกราช อธิปไตย ไอ้นายทหารหัวโจกมันสั่งลูกน้องบอกให้เก็บหนังสือใส่ลิ้นชัก ไม่ต้องไปทำอะไร ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องหน้าที่และเป็นการต้องปกป้องชาติ เอกราช และอธิปไตยแท้ๆ มันยังไม่ทำหน้าที่ แล้วจะให้ประชาชนพึ่งพาได้อย่างไร ใช่มั้ยครับ ฉะนั้นที่เราพูดว่าวันนี้มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่พร้อมจะออกหน้าตาย จนบางทีประชาชนเขาต้องพูดเยาะเย้ยถากถางทหารว่า หลับเถิดทหารกล้า ปวงประชาจะคุ้มภัย
มันก็เป็นการพูดด้วยความน้อยใจของพี่น้องประชาชน ที่เขาอยากจะเห็นทหารออกมาทำหน้าที่ของตนเสียที อย่ามุดอยู่ในค่ายในรูและยอมก้มหัวให้กับนักการเมืองต่อไปอีกเลย ประชาชนเขารอ เขาอยากเห็นทหารทำหน้าที่อย่างชายชาติทหาร เหมือนอย่างทหารรุ่นพี่ๆ ที่เคยสู้รบปกป้องชาติและพลีชีพเพื่อแผ่นดินมาแล้วนั่นเอง วันนี้เราไม่เห็นทหารทำหน้าที่อย่างนั้นเลย นอกจากเดินตามก้นนักการเมือง และอ้างว่ารอฟังนโยบายของฝ่ายการเมืองครับ
ทีนี้มาถึงบทสัมภาษณ์ตอนท้าย เขาบอกว่า จะไม่ยอมให้ทักษิณเหยียบ ให้ตกบันไดตั้งแต่ชั้นแรก ด้วยการให้ประชาชนบอกชัดๆ ว่าบ้านเมืองนี้ต้องการที่จะก้าวพ้นความต้องการของคนๆ เดียว ความจริงแล้วบ้านเมืองนี้ ประชาชนต้องการก้าวให้พ้นนักการเลวทุกคน รวมทั้งตัวคุณด้วย ไม่ใช่เฉพาะทักษิณ ถูกมั้ยครับ ถ้าถูกปรบมือดังๆ หน่อย
คุณอย่ามาแหลว่านักการเมืองเลวมีเพียงทักษิณคนเดียว นักการเมืองเลวมีมากกว่าทักษิณ รวมทั้งพวกคุณทุกคนด้วย ใช่มั้ยครับ เราต้องการก้าวให้พ้นนักการเมืองทุกคน ทุกพรรค เราถึงต้องรณรงค์ไม่ประสงค์ลงคะแนน และโหวตโนไงครับ
ในประเด็นต่อมา คุณให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อถามว่าขั้นสุดท้ายของเขาคือการให้ทักษิณกลับมา แล้วเปลี่ยนจากคำพิพากษาเป็นลงอาญาแทนการติดคุก ความจริงแล้ว คุณอภิสิทธิ์ครับ นักการเมืองไทยถ้ามันมีอำนาจ มันทำความชั่ว ความเลว ช่วยตัวเองหมดทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวคุณด้วย ขนาดพัชรวาทยิงพวกเราตาย คุณยังหาทางช่วยเลย คุณจะมาอ้างอะไร
ขนาดคุณให้คนในรัฐบาลไปเป็นพยาน ให้รองนายกฯ คุณเดินทางไปต่างประเทศ ให้เจ้าหน้าที่ของคุณ ทั้งดีเอสไอ และอัยการ ไปเป็นพยานช่วยคนเสื้อแดง เอามติ ครม.ไปประกันเขา คุณยังทำเลย คุณจะมาอ้างอะไร เพราะฉะนั้นถ้าทักษิณกับพวกมันกลับมามีอำนาจ มันก็ต้องทำแบบที่คุณทำนั่นล่ะ มันก็เลวพอกัน ใช่มั้ยครับ
เพราะฉะนั้น คนที่จะไม่ยอมให้เขาทำ คือพวกเรา ไม่ใช่คุณ เพราะงั้นถ้าทักษิณมา คุณรีบหนีไปไกลๆ เลย ก่อนที่เขาจะกระทืบคุณตายก่อนครับ เราน่ะหนีไปไหนไม่ได้ เพราะคุณยังมีสัญชาติอังกฤษ คุณอาจจะไปลี้ภัยอยู่อังกฤษได้ ใช่มั้ยครับ แต่พวกเราต้องอยู่ที่นี่ เพราะเราไม่มีบ้านอยู่ที่อังกฤษครับ
เพราะฉะนั้น ไอ้เรื่องที่คนที่ทำผิดแล้วจะมาฟอกความผิด มาแก้กฎหมายเพื่อล้างความผิดให้ตัวเองนั้น พวกเราไม่ยอมโดยเด็ดขาด ใช่มั้ยครับ คุณไม่ต้องห่วงหรอก คนที่ไม่ยอมคือพวกเรา แต่ไม่ใช่คุณบอกผมจะไม่ยอมให้ประชาชนทำอย่างนั้น คุณต่างหากที่ยอมให้เขาทำมาโดยตลอด คุณอย่ามาปากดีเลย
เพราะฉะนั้นในประเด็นนี้ก็คือว่า เราต่างหากที่จะไม่ยอมให้เขาใช้อำนาจเพื่อแก้คำพิพากษาของศาล แก้กฎหมาย หรือล้มล้างอำนาจศาล ในการที่จะฟอกความผิด
เขาบอกว่า ผมว่าเรามีโอกาสแล้วในการเลือกตั้งครั้งหน้า ก้าวให้พ้นเถอะครับ ลงคะแนนเสียงกันให้ท่วมท้นว่าไม่เอาเรื่องแบบนี้ เดินหน้าเข้าสู่ระบบสภา หากตนได้มีโอกาสบริหารประเทศ ตนจะให้ความเป็นธรรมทุกคน รวมทั้งคุณทักษิณด้วย ตุ๊ย!! น่าสะอิดสะเอียนจริงๆ
คุณบอกว่าประชาชนไปลงคะแนนให้ท่วมทัน ก้าวให้พ้น สรุปแล้วคือต้องการบอกให้พวกเราไปเลือกคุณ ใช่มั้ย เลือกคุณใช่มั้ย แล้วเลือกคุณมาแล้ว คุณบอกคุณจะพาประเทศให้พ้นจากตรงนี้ และให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ถามว่าไอ้ 2 ปีที่ผ่านมา ลื้อให้ความเป็นธรรมกับใครบ้าง ลื้อให้ความเป็นธรรมกับใครบ้าง ทำไมต้องรอ ต้องรอให้กูกลับมาเป็นนายกฯ อีก กูถึงจะมาให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน รวมทั้งให้ความเป็นธรรมกับทักษิณ ความจริงแล้วคุณให้ความเป็นธรรมกับใครบ้าง นอกจากแก้เกมการเมืองไปวันๆ เพื่อรักษาเก้าอี้และอำนาจของตัวเองเท่านั้น ไม่มีหรอกคนอย่างคุณจะมาให้ความเป็นธรรมกับประชาชน คุณช่วยแต่พวกของพวกคุณเท่านั้น ทำผิดคุณก็ช่วยไม่ให้ผิด แต่กับประชาชนอย่างพวกเราที่สู้ด้วยความสุจริต มีข้อหาเต็มไปหมด คนละ 10-20 ข้อหาทั้งนั้น นี่หรือความเป็นธรรมจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นี่หรือความเป็นธรรมที่คุณยัดเยียดให้ประชาชน ไม่มี คนอย่างคุณไม่อยู่ในฐานะที่จะมาให้ความเป็นธรรมกับพวกเราหรอก เราสู้ด้วยตัวพวกเราเองทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น ไอ้ที่จะก้าวให้พ้นเถอะพี่น้องน่ะ ก็คือ พี่น้องหลุดให้พ้นจากนักการเมืองอัปรีย์ไป จัญไรมา ด้วยการไม่ประสงค์ลงคะแนน นี่ถูกต้องที่สุด ไม่ใช่ไปเลือกคนเลวฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดครับ
คารมของคุณนี่นะ แสดงว่าคุณเห็นแล้วว่าคงจะแพ้แน่ๆ ก็พยายามที่จะมาให้สัมภาษณ์ มาอ้อน มาอย่างนั้นอย่างนี้
ส่วนประเด็นสุดท้ายที่ไปให้สัมภาษณ์เรื่องว่ามีคนไปร้องเรียนนางยิ่งลักษณ์ กับดีเอสไอ บอกไม่เกี่ยวกับคนของตัวเอง ไม่เป็นไร ทุกคนเขาก็รู้ทั้งนั้นล่ะว่าหมอตุลย์ กับคุณ สนิทกันอย่างไร แต่ว่าจะร้องเรียนก็ดีครับ พวกเราก็เห็นด้วย ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันเป็นเรื่องเกมการเมืองของนักการเมืองกัดกันเอง ต่างคนต่างหาข้อหามาเล่นงานกันเอง คุณก็คงพยายามจะเล่นงานเขาว่าเขาซุกหุ้น เขาแจ้งความเท็จ ยังไงคดีไม่ขาดอายุความหรอก เขาต้องโดนดำเนินการแน่ๆ
ฝ่ายนู้นก็หาทางเล่นงานคุณ ว่าคุณสั่งฆ่าประชาชน คุณมี 2 สัญชาติ คุณทำผิดอย่างนั้นอย่างนี้ มีเรื่องเยอะแยะเหมือนกัน นักการเมืองกัดกัน ยกเอาความผิดของอีกฝ่ายหนึ่งขึ้นมาอ้าง เพียงเพื่อจะเอาความดีใส่ตัว โยนความชั่วให้คนอื่นเท่านั้นครับ ไม่มีหวังผลประโยชน์กับประชาชน ประเทศชาติเลย
ถ้าคุณคิดว่าเขาทำผิดจริงๆ เขาทำชั่วจริงๆ เขามีปัญหามากมาย คุณทำไมไม่สั่งให้ดีเอสไอ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลุยเล่นงานทักษิณ กับระบอบทักษิณ ด้วยตัวของคุณเอง ไม่จำเป็นต้องมาอาศัยแรงพี่น้องประชาชนเลย เพราะอำนาจรัฐอยู่ในมือคุณ คุณยังไม่ทำเลย ใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้นถ้าคุณไม่กล้าทำ ต่อให้กลับมาเป็นนายกฯ อีก คุณก็จะมาแบบขี้ขลาดตาขาว เหมือนเดิมไม่มีผิดครับ
เพราะฉะนั้นกล่าวโดยสรุปแล้ว การเมืองวันนี้มันไม่มีใครที่จะเป็นที่พึ่งของบ้านของเมืองได้หรอก เพราะนักการเมืองทุกคน ทุกฝ่าย ต่างก็พูดหาเสียงเอาดีใส่ตัว ไม่มีใครยอมรับว่าตัวเองเป็นปัญหาของชาติบ้านเมือง และเป็นคนทำให้ชาติบ้านเมืองล่มจมอยู่ทุกวันนี้ ความจริงแล้ว ประชาชนอย่างพวกเราไม่มีสิทธิ์ทำให้บ้านเมืองล่มจมเลยครับ เพราะเราเป็นคนที่หาเช้ากินค่ำ ต้องเสียภาษี โกงใครไม่ได้ แต่คนอย่างพวกเขาต่างหากที่ทำให้บ้านเมืองล่มจม เขาคือตัวปัญหาของบ้านเมือง เพราะฉะนั้นถ้าจะแก้ปัญหา คุณต้องแก้ปัญหาที่ตัวพวกคุณเสียก่อน ถ้าคุณไม่แก้ปัญหาที่ตัวพวกคุณ ก็เป็นเวลาที่ประชาชนต้องลุกขึ้นมาแก้ด้วยตัวของพวกเราเองครับ
เราต้องลุกขึ้นมารวมพลังแก้ปัญหานี้ด้วยตัวของพวกเราเองเท่านั้น พึ่งนักการเมืองก็ไม่ได้ จะพึ่งทหาร ก็เจอไอ้พวกทหารที่เห็นแก่เศษเงินของนักการเมืองที่คุมกองทัพอยู่ และพยายามไปครอบงำนายทหารลูกน้อง ไม่ให้ทำหน้าที่เพื่อปกป้องชาติบ้านเมือง ทหารแบบนี้ นี่ถ้าผมเกิดเป็นลูกน้องนายทหารพวกนี้ ผมถือปืนไปยิงมันตายแล้วครับ ผมนี่คงจะเป็นทหารยังเติร์กรุ่นแรกที่ยิงผู้บังคับบัญชาตาย นี่ผมสมมุตินะ เพราะผมทนไม่ได้หรอก ถ้าเห็นนายไปรับเงินจากนักการเมือง ไปอี๋อ๋อกับนักการเมือง ยุคหนึ่ง ผบ.ทบ.เดินตามก้นสมัคร มายุคหนึ่ง ผบ.ทบ.เดินตามก้นสุเทพ บัานเมืองก็ฉิบหายล่ะครับ จะอยู่กันได้ยังไง
เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจึงอยากจะเรียกร้องนายทหารในระดับล่างๆ ถ้าท่านยังมีจิตวิญญาณของทหารอยู่ อย่าไปฟังคำสั่งของไอ้หัวหน้าใหญ่ของท่าน เพราะพวกนี้กำลังลากดึงกองทัพไปลงนรก เอากองทัพไปเป็นเครื่องมือหากินกับนักการเมือง ท่านยังนั่งดูได้อย่างไรครับ เอากองทัพไปเป็นเครื่องมือต่อรองกับนักการเมือง หากินกับนักการเมือง หากินกับงบประมาณจัดซื้ออาวุธ และก็ถ้ามีเลือกตั้ง ใครมาเป็นนายกฯ กูต่อรองอย่างเดียวว่า อย่าย้าย ผบ.ทบ.และขอคนของกูมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม จะได้กินกันเหมือนเดิม มีแค่นี้ครับทหารนายของท่านทุกวันนี้ พูดกันตรงไปตรงมาเลย ส่วนเรื่องจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ปกป้องแผ่นดิน ปกป้องชาติ ปกป้องประชาชน เมินเสียเถอะ เพราะมันก้มหัวให้กับนักการเมืองไปแล้ว
เพราะฉะนั้น เมื่อไรท่านจะหูตาสว่างเสียที ลุกขึ้นมามองชาติบ้านเมืองหน่อย ว่าชาติบ้านเมืองวันนี้มันอยู่ไม่ได้ เพราะนักการเมืองก็ชั่ว ผู้บริหารประเทศก็เลว ทหารที่จะเป็นที่พึ่งของชาติบ้านเมือง ของประชาชน ก็ไปรับเศษเงินของนักการเมืองเข้าไปอีก ไอ้การที่ร่วมสุมหัวกันตั้งรัฐบาลน่ะ นึกว่าจะร่วมกันมาช่วยกันแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมือง กลายเป็นไปสุมหัวกันหาประโยชน์กับชาติบ้านเมือง แล้วปล้นประเทศ เหยียบประชาชน ขายชาติขายแผ่นดิน อย่างนี้จะเอาไว้ทำไม
เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ต้องพูดกันตรงไปตรงมาว่า พี่น้องครับ เราต้องพึ่งตนเอง และถ้าเรียกร้องได้ เราก็เรียกร้องให้ทหารที่ท่านยังรักชาติ รักประชาชน รักพระเจ้าอยู่หัว และรักแผ่นดินอยู่ จงลุกขึ้นมาจัดการกับนายของท่านเถอะ เพราะนายของท่านมันเลวจริงๆ จะปล่อยมันไว้ทำพันธุ์ทำไม
คนที่น่าอายที่สุดคือคนที่เป็นนักเรียนนายร้อย จบทหารมาเป็นนาย มาเป็นผู้บังคับบัญชาเขาแล้วอาศัยกองทัพไปเป็นเครื่องมือหารับประทาน คนอย่างนี้เลวชาติที่สุดครับ
เพราะฉะนั้น วันนี้ก็เอาแค่นี้ล่ะครับ มาถึงวันนี้มันก็ไม่ต้องไปกลัวอะไรแล้วในบ้านเมืองนี้ ถ้าเขาคิดว่าผมเป็นเสี้ยนหนามของแผ่นดินก็มาเลย ผมไม่ว่าหรอก เพราะผมทนเห็นแบบนี้ไม่ได้แล้วประเทศนี้ แล้วผมก็เชื่อว่าวันหนึ่งถ้าประชาชนทนไม่ได้ พวกคุณจะอยู่อย่างไรก็คอยดูนะครับ
โอเคครับ พี่น้อง วันนี้มาพบกับพี่น้องสรุปปัญหาเรื่องของบ้านเมือง และก็ถือโอกาสพูดคุยกับพี่น้องแบบตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว สำหรับชาติบ้านเมืองเราเวลานี้ ไม่มีใครพึ่งได้ครับ นักการเมือง จบ อย่าไปให้มันตอแหลกับเราต่อไปอีก ไม่ว่าหน้าไหนทั้งนั้นครับ ส่วนทหาร กองทัพ ผมหวังพึ่งกองทัพคนส่วนใหญ่ แต่มันมีคนส่วนน้อยไม่กี่คนเท่านั้นที่ครอบงำ ขี่คอลูกน้องอยู่ และมอมเมาลูกน้องด้วยความคิดผิดๆ ทำให้กองทัพกลายเป็นกองทัพที่ โธ่!! ขนาดไอ้ฮุน เซน ยังไม่กลัวแล้วจะไปรบกับใครได้ครับ
วันนี้เพลงมันก็จะต้องร้องมั้ยครับ เพราะว่ามันโมโหเต็มทีแล้วนะ อารมณ์ของขึ้นแล้ว แล้วก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรไอ้คนพวกนี้มันจะหมดสิ้นจากแผ่นดินเสียที ไอ้คนชั่ว คนเลว คนโกงน่ะ ถ้ายังไม่หมดเราก็ต้องสู้กันต่อไปครับ แต่ผมเชื่อแน่ว่า เอาน่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ดี พลังของพี่น้องประชาชนก็ดี คงจะช่วยทำให้ประเทศของเรารอดปลอดภัย หลุดพ้นจากคนชั่วคนเลวเหล่านี้ ขอเพียงอย่างเดียวว่า พลังของพวกเราต้องมั่นคง และไม่ถอยครับ เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน สู้ต่อไปนะครับ
(เพลง : ศรัทธา)