ตาก- อดีต รมว.ต่างประเทศ ชี้พม่าเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยมากขึ้น ชี้การหยุดยิงกับ KNU จะทำให้เศรษฐกิจชายแดนดีขึ้น เชื่อชนกลุ่มน้อยที่เหลือเรียงแถวเข้าเจรจาต่อไปแน่
นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะคณะกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร กล่าวที่ชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สอด จังหวัดตาก ระหว่างการเดินทางมาศึกษาดูงานการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนนครแม่สอด และการยกฐานะเขตปกครองพิเศษนครแม่สอด ต้นสัปดาห์นี้ว่า ตนเห็นด้วยกับการผลักดันให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด เพราะมีศักยภาพและความพร้อม เหมาะสมกับการเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ประกอบกับการเป็นเมืองหน้าด่านทางการค้ากับพม่า
ส่วนกรณีการเจรจาหยุดยิงระหว่างกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ (KNU) กับฝ่ายรัฐบาลพม่านั้น นายกษิตมองว่า จะทำให้พม่ากลับคืนสู่ความเป็นสังคมประชาธิปไตย ซึ่งหลังจากที่รัฐบาลพม่าได้จัดการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเป็นต้นมา ทำให้วิวัฒนาการทางการเมืองของพม่าดีขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่การให้คนสำคัญในยุโรปรวมทั้งอเมริกาเดินทางไปเยือนพม่า และพบกับผู้นำ นางอองซานซูจี ทำให้บรรยากาศดีขึ้น และอเมริกาเองก็เริ่มที่จะลดบทบาทที่เคยต่อต้านหรือเคยคว่ำบาตรพม่ากลายเป็นการยกเลิกมากขึ้น รวมทั้งหนุนให้นานาชาติยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรพม่าเช่นกัน
นอกจากนี้ พม่ายังปล่อยตัวนางอ่องซานซูจี ผู้นำฝ่ายค้าน และเปิดโอกาสให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเดือนเมษายน 2555 รวมทั้งการปล่อยนักโทษการเมือง จนล่าสุดได้ปล่อยตัวพลเอกขิ่นยุ้นต์ อดีตนายกรัฐมนตรีพม่าอีกด้วย
นายกษิตบอกอีกว่า ขณะนี้องค์รวมพม่าเริ่มวางรากฐานความเป็นประชาธิปไตย และล่าสุดมีการเจรจาหยุดยิงสงบศึกกับชนกลุ่มน้อยทั้งที่ติดอาวุธ และไม่ติดอาวุธ ซึ่งมีความคืบหน้าเป็นลำดับ ซึ่งหากมีการสู้รบกันคงไม่มีฝ่ายใดชนะ และฝ่ายใดแพ้ และเชื่อว่าในที่สุดชนกลุ่มน้อยอื่นๆที่เหลืออยู่ต้องเจรจากับพม่า
“การดำเนินการเพื่อความปรองดองในพม่า ถือว่าเป็นการวางรากฐานประชาธิปไตย เพราะพม่าต้องการเป็นประธานอาเซียนใน 2 ปีข้างหน้า และภายใน 3 ปี ที่ต้องสร้างประชาคมอาเชียน หากพม่ายังไม่สงบ ก็จะมีอุปสรรคปัญหา โดยเฉพาะการสร้างถนนเชื่อมตะวันตก-ตะวันออก หากมีสงครามกลางเมืองก็จะทำไม่ได้ ขณะนี้พม่าได้สร้างเสถียรภาพ ในการปรองดอง และให้สังคมพม่าเป็นประชาธิปไตย ทำให้กรอบของสังคมพม่าได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่รัฐบาลทหาร และตนเชื่อมั่นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในพม่าจะดีขึ้น และชนกลุ่มน้อยทุกกลุ่มจะต้องหันไปเจรจาหยุดยิงกับพม่า และจะยิ่งส่งผลทำให้เศรษฐกิจชายแดนแม่สอดดีขึ้นอย่างแน่นอน” นายนายกษิตกล่าว
นายกษิต ภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะคณะกรรมาธิการกิจการชายแดนไทย สภาผู้แทนราษฎร กล่าวที่ชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สอด จังหวัดตาก ระหว่างการเดินทางมาศึกษาดูงานการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนนครแม่สอด และการยกฐานะเขตปกครองพิเศษนครแม่สอด ต้นสัปดาห์นี้ว่า ตนเห็นด้วยกับการผลักดันให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด เพราะมีศักยภาพและความพร้อม เหมาะสมกับการเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ประกอบกับการเป็นเมืองหน้าด่านทางการค้ากับพม่า
ส่วนกรณีการเจรจาหยุดยิงระหว่างกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยงอิสระ (KNU) กับฝ่ายรัฐบาลพม่านั้น นายกษิตมองว่า จะทำให้พม่ากลับคืนสู่ความเป็นสังคมประชาธิปไตย ซึ่งหลังจากที่รัฐบาลพม่าได้จัดการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเป็นต้นมา ทำให้วิวัฒนาการทางการเมืองของพม่าดีขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่การให้คนสำคัญในยุโรปรวมทั้งอเมริกาเดินทางไปเยือนพม่า และพบกับผู้นำ นางอองซานซูจี ทำให้บรรยากาศดีขึ้น และอเมริกาเองก็เริ่มที่จะลดบทบาทที่เคยต่อต้านหรือเคยคว่ำบาตรพม่ากลายเป็นการยกเลิกมากขึ้น รวมทั้งหนุนให้นานาชาติยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรพม่าเช่นกัน
นอกจากนี้ พม่ายังปล่อยตัวนางอ่องซานซูจี ผู้นำฝ่ายค้าน และเปิดโอกาสให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในเดือนเมษายน 2555 รวมทั้งการปล่อยนักโทษการเมือง จนล่าสุดได้ปล่อยตัวพลเอกขิ่นยุ้นต์ อดีตนายกรัฐมนตรีพม่าอีกด้วย
นายกษิตบอกอีกว่า ขณะนี้องค์รวมพม่าเริ่มวางรากฐานความเป็นประชาธิปไตย และล่าสุดมีการเจรจาหยุดยิงสงบศึกกับชนกลุ่มน้อยทั้งที่ติดอาวุธ และไม่ติดอาวุธ ซึ่งมีความคืบหน้าเป็นลำดับ ซึ่งหากมีการสู้รบกันคงไม่มีฝ่ายใดชนะ และฝ่ายใดแพ้ และเชื่อว่าในที่สุดชนกลุ่มน้อยอื่นๆที่เหลืออยู่ต้องเจรจากับพม่า
“การดำเนินการเพื่อความปรองดองในพม่า ถือว่าเป็นการวางรากฐานประชาธิปไตย เพราะพม่าต้องการเป็นประธานอาเซียนใน 2 ปีข้างหน้า และภายใน 3 ปี ที่ต้องสร้างประชาคมอาเชียน หากพม่ายังไม่สงบ ก็จะมีอุปสรรคปัญหา โดยเฉพาะการสร้างถนนเชื่อมตะวันตก-ตะวันออก หากมีสงครามกลางเมืองก็จะทำไม่ได้ ขณะนี้พม่าได้สร้างเสถียรภาพ ในการปรองดอง และให้สังคมพม่าเป็นประชาธิปไตย ทำให้กรอบของสังคมพม่าได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่รัฐบาลทหาร และตนเชื่อมั่นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างในพม่าจะดีขึ้น และชนกลุ่มน้อยทุกกลุ่มจะต้องหันไปเจรจาหยุดยิงกับพม่า และจะยิ่งส่งผลทำให้เศรษฐกิจชายแดนแม่สอดดีขึ้นอย่างแน่นอน” นายนายกษิตกล่าว
