สุดสลดพระสำนักสงฆ์วัดใจ หัวหิน ถูกโขลงช้างป่าเหยียบมรณภาพขณะเดินกลับเข้ากุฏิ

ประจวบคีรีขันธ์ - ผู้ใหญ่บ้านห้วยผึ้ง อ.หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ และชาวบ้านในพื้นรู้สึกสลดใจกับเหตุการณ์โขลงช้างป่าทำร้ายพระสำนักสงฆ์วัดใจ บ้านห้วยผึ้ง จนเสียชีวิต ขณะเดินกลับเข้ากุฏิเพื่อจำวัดช่วงค่ำ ซึ่งพระรูปดังกล่าวได้พยามตักน้ำใส่กระป๋องมาวางให้ช้างป่ากินอยู่เป็นประจำ ล่าสุด ชาวบ้านรอญาติๆ มารับศพไปบำเพ็ญกุศล ซึ่งนับเป็นรายที่ 6 ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ที่ช้างทำร้ายคนเสียชีวิต

วันนี้ (10 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่แม่ชีน้อย และพระสำนักสงฆ์วัดใจ หมู่ 4 บ้านห้วยผึ้ง ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้แจ้งจาก นายมนัส นิลกลัด ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 บ้านห้วยผึ้ง ว่า พระพายัพ ฉันทสโล อายุ 49 ปี (เรือเอก พายัพ วงศ์ศิลป์) พระที่จำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์วัดใจ ได้หายออกไปจากวัดตั้งแต่เช้าวันที่ 9 ม.ค.55 เนื่องจากไม่เห็นมาฉันเช้า จึงพากันออกตามหาบริเวณในวัดและตามกุฏิ รวมไปถึงตามพื้นที่ป่ารอบข้างสำนักสงฆ์

จนกระทั่งช่วงเย็นพากันเดินไปยังกุฏิของพระพายัพ ที่อยู่ห่างจากสำนักสงฆ์ประมาณ 400 เมตร บริเวณริมชายป่า ก็ไม่พบ จนกระทั่งเดินกลับออกมาตามทาง ทั้งหมดพบเห็นรอยเท้าช้างป่าขนาดใหญ่ตามทาง และพากันตามรอยจนพบร่างของพระพายัพ นอนมรณภาพอยู่ข้างทางป่าด้านใน สภาพจีวรขาด ที่ใบหน้ามีเลือดแห้งติดอยู่ รวมทั้งบริเวณลำคอมีบาดแผลฉีกขาด และบริเวณหน้าท้องมีร่องรอยเหมือนเท้าช้าง จึงแจ้งไปยังมูลนิธิหน่วยกู้ภัยเพชรเกษม และร้อยเวรสอบสวน ให้รับทราบมาตรวจสอบตั้งแต่ค่ำวานนี้ (9 ม.ค.) และนำศพส่งโรงพยาบาลหัวหิน เพื่อชันสูตรศพในช่วงกลางดึก

ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลหัวหิน ระบุว่า ที่ขาซ้ายและสะโพกซ้าย น่าจะถูกช้างเหยียบจนหัก รวมไปถึงบริเวณหน้าท้อง ก็น่าจะถูกเหยียบเช่นกัน ส่วนบริเวณลำคอด้านซ้ายอาจถูกงาทิ่มจนเป็นแผล ซึ่งคาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 24 ชม.

แม่ชีน้อย ที่อาศัยอยู่ในวัด ระบุว่า พระพายัพ ได้มาสรงน้ำก่อนที่จะเดินทางกลับเข้าไปกุฏิในช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ของวันที่ 8 ม.ค.55 ช่วงนั้นแม่ชีเองก็ได้ยินเสียงช้างร้องเสียงดังเหมือนลักษณะตกใจ ก็ไม่ได้สนใจอะไร จนกระทั่งเช้าของอีกวันไม่พบเห็นพระพายัพ จึงแจ้งพระอีกองค์ และผู้ใหญ่ออกตามหาไม่นึกว่าจะมาพบถูกช้างป่าทำร้ายจนมรณภาพ

และในช่วงเช้าที่ผ่านมาวันนี้ (10 ม.ค.) นายมนัส นิลกลัด ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านห้วยผึ้ง ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ นายมนูญ ทองแย้ม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านเฉลิมเกียรติ ป่าละอู ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน และ นายสมพร มีอิ่ม หน.หน่วยหุบเต่า อุทยานฯแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ได้เดินทางเข้าไปที่สำนักสงฆ์วัดใจ และตรวจดูร่องรอยจุดที่เกิดเหตุซึ่งก็ยังพบร่องรอยเท้าช้างป่า

นายมนัส กล่าวว่า พระพายัพ ได้มาจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์วัดใจได้ประมาณ 2 เดือน เป็นพระที่ขยันอย่างมาก ตื่นทำวัตรตั้งแต่เช้ามืด เดินจงกลม กวาดลานวัด จนทำให้สำนักสงฆ์สะอาด ซึ่งกุฏิของพระพายัพอยู่ท้ายวัด ต้องเดินไปประมาณ 400 เมตร ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นลักษณะช่วงเดินกลับจากสงฆ์น้ำอีก 100 เมตร จะถึงกุฏิ คงจะมีช้างป่าเดินออกมาจากริมทาง ซึ่งเป็นป่าและทางเดินแคบ คือ เดินเข้าหากันในระยะกระชั้นชิด โดย พระพายัพ ไม่สามารถหลบไปไหนได้ จึงถูกช้างป่าวิ่งเข้าใส่และทำร้ายจนมรณภาพ และใช้งวงลากเข้าไปข้างทาง

“ผมเองรู้สึกสลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งคนฆ่าช้าง ทั้งช้างฆ่าพระ ไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้น ชาวบ้านแถบนี้เค้ารักช้าง และช่วยกันดูแลอนุรักษ์มาตลอด ซึ่งพระรูปนี้อยู่ที่นี่ยังตักน้ำใส่กระป๋องไปตั้งไว้ตามทางแทบทุกวัน เพื่อให้ช้างป่าได้กิน เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงภัยแล้ง แหล่งน้ำแหล่งอาหารในป่าไม่พอเพียง ซึ่งชาวบ้านส่วนหนึ่งที่ทราบข่าวก็รู้สึกเสียใจกับการมรณภาพของพระพายัพ ซึ่งเบื้องต้นขณะนี้ทางญาติได้เดินทางมารับศพ และในวันนี้จะมีการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมที่สำนักสงฆ์วัดใจเป็นคืนแรก”

นายมนูญ ทองแย้ม ผู้ใหญ่บ้านเฉลิมเกียรติพัฒนา ป่าละอู กล่าวด้วยว่า ไม่รู้จะแก้ปัญหาเรื่องคนกับช้างได้ยังไง หลายวันก่อนก็ยังเรียนประชุมลูกบ้าน เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาเรื่องช้างป่าที่มากัดกินพืชไร่ ว่า เราจะต้องทำอย่างไร ทั้งการเปลี่ยนอาชีพ ก็คงต้องได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ วันนี้ คงต้องแจ้งเตือนลูกบ้านให้ระวังในช่วงกลางคืน หากมีบ้านเรือนอยู่ในจุดที่ช้างป่าเดินผ่านเข้าออกต้องระวังตัว เพราะไม่อยากเห็นชาวบ้านต้องมาจบชีวิตเพราะช้างป่า

ด้าน นายสมพร มีอิ่ม หัวหน้าหน่วยหุบเต่า อุทยานฯแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี กล่าวด้วยว่า พื้นที่ของสำนักสงฆ์วัดใจ และกุฏิของพระพายัพ อยู่ติดกับชายป่าและหุบช้าง บริเวณนี้จะมีช้างป่าเยอะพอสมควร ซึ่งประชากรของโขลงช้างป่าในพื้นที่ป่าละอู ป่าเด็ง มีอยู่ประมาณ 130 ตัวขึ้นไปกระจายหากินเป็นโขลงย่อยประมาณ 1-5 ตัวบ้าง หรือกลุ่มละ 10 ตัวบ้าง ที่ผ่านมา มีชาวบ้านโดนช้างป่าทำร้าย รวมถึงพระรูปนี้ประมาณ 6 ราย ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน 2553 ในพื้นที่ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ที่ช้างเหยียบชาวบ้านที่เข้าไปหาของป่า

อย่างไรก็ตาม นิสัยของช้างป่าซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในระยะกระชั้นชิด คือ ช้างป่าจะทั้งเหยียบและเตะ หรือใช้งวงลากร่างเอาไปทิ้งบริเวณชายป่า ซึ่งขณะนี้ได้รายงานให้ทางหัวหน้าอุทยานฯแก่งกระจาน ทราบแล้ว