ประจวบคีรีขันธ์ - ภายหลังการพบซากช้างป่าเพศผู้ที่ถูกฆ่าตายและตัดเอางวง งา และอวัยวะเพศ ตายอยู่กลางลำห้วยแห้ง บ้านป่าเด็ง อำเภอแก่งกระจาน เพชรบุรี ส่วนอีก 1 ตัวถูกเผานั่งยางปลายอ่างเก็บน้ำกระหร่าง 3 บ้านป่าเด็ง ล่าสุด “หม่อมเจ้าหญิงรังษีนภดล ยุคล” ในฐานะนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ยอมรับทรงรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ฆ่าช้างป่าที่เกิดขึ้น เรียกร้องให้ทุกหน่วยงานเร่งสืบหาจับกุมขบวนการล่าช้างมาลงโทษให้ได้
วันนี้ (6 ม.ค.) เวลา 15.00 น. หม่อมเจ้าหญิงรังษีนภดล ยุคล กล่าวว่า รู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ช้างป่าที่อาศัยหากินอยู่บริเวณป่าละอู-ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งถูกขบวนการล่าช้างตัดเอางา เข้ามาล่ากระทำอย่างโหดเหี้ยมกับช้างป่า ซึ่งเป็นสัตว์ใหญ่คู่บ้านคู่เมือง ท่านหญิงเห็นว่าจุดที่เกิดเหตุในลำห้วยแห้งจากถนนใหญ่เข้าไป จากรายงานของคณะทำงานของท่านหญิง ระบุว่าไม่กี่ 100 เมตรเท่านั้น ด้านในเป็นป่ากระชิด ซึ่งถือเป็นพืชอาหารช้างป่า และในบริเวณนั้นเป็นเส้นทางด่านช้างที่เดินเข้าออก อีกทั้งจุดที่ช้างป่าล้มอยู่ในบริเวณลำห้วยแต่ไม่มีน้ำ ซึ่งต้องเป็นพวกที่รู้ว่าจุดดังกล่าวเป็นเส้นทางเดินของช้างป่าโขลงนี้ จึงมานั่งห้างบนต้นไม้เลือกยิงเฉพาะช้างงาเท่านั้น
พฤติกรรมของกลุ่มพวกล่ามันโหดมาก ท่านหญิงรับไม่ได้ เพราะเมื่อช้างล้มแล้วพวกนี้มันจะต้องใช้ขวาน จามใบหน้าออกให้หมดเพื่อขุดเอางาทั้งสองข้างออกมา เพราะหากไม่ทำเช่นนั้นก็ไม่สามารถเอางาออกมาได้ ส่วนปลายงวง หรือหาง รวมไปถึงอวัยวะเพศเป็นของที่มันต้องเอาไปด้วยซึ่งเป็นปกติ สิ่งสำคัญคืองาคู่ละเป็นล้าน
นอกจากนั้น บริเวณอ่างเก็บน้ำกระหร่าง 3 บ้านป่าเด็ง ห่างจากจุดแรกประมาณ 2 กม.ก็เป็นอีกจุดที่มีการยิง และนำยางรถยนต์มาสุมเผาทำลาย ต้องมีอะไรแอบแฝง เรื่องนี้ทำไมต้องเผาซากช้างด้วย ซึ่งทั้งหมดตำรวจต้องไปสืบสวนหาข้อมูลเชิงลึกให้ได้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง
วันนี้ ถ้าหากยังปล่อยให้มีเหตุการณ์ล่าช้างตัดงา เกิดขึ้นอีกประชากรช้างป่า ย่อมต้องลดลง โดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานฯ กุยบุรี มีช้างกว่า 200 ตัวแล้วในปัจจุบัน ขณะที่อุทยานฯแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ก็รวมแล้วก็น่าจะไม่ต่ำกว่า 200 ตัว ซึ่งมีช้างงารวมอยู่ด้วยนี่ไม่ใช่เป็นครั้งแรกกับการยิงช้างตัดงาตามใบสั่ง ที่ผ่านมาเมื่อเดือนตุลาคม 2553 ที่ผ่านมา ก็พวกอดีตทหารกะเหรี่ยงที่เข้าไปในพื้นที่สามร้อยยอด ยิงช้างป่าในอุทยานฯ กุยบุรี ตายไป 1 ตัวในขณะนั้น นับเป็นความโชคดีที่เจ้าหน้าที่อุทยานฯกุยบุรี ได้ยินเสียงปืนและตามไปทันทำให้กลุ่มที่ยิงช้างไม่สามารถเอางาที่กำลังจะถอดไปได้
“วันนี้ตามรายงานมีการออกหมายจับนายสมบูรณ์ เวนะ อายุ 31 ปี มีบ้านอยู่ในพื้นที่ป่าเด็ง ตอนนี้ก็ยังจับไม่ได้เช่นกัน วันนี้ถึงบอกว่าตำรวจต้องล่าตัวแก๊งค์ยิงช้างมาลงโทษได้โดยเร็ว”
หม่อมเจ้าหญิงรังษีนภดล ยุคล ตรัสอีกว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวของทั้งกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี รวมไปถึงทหาร ตำรวจ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หามาตรการป้องกันการล่าช้างป่าในพื้นที่ทั้งอุทยานฯแก่งกระจาน และ อุทยานฯกุยบุรี จะทำอย่างไรที่จะสกัดกั้นการล่าช้างตัดเอางาให้ได้ เพราะครั้งนี้เชื่อว่าคนไทยคงรับไม่ได้กับการกระทำฆ่าสัตว์คู่บ้านคู่เมืองและยังส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ท่านหญิงอาจะเดินทางลงไปในพื้นที่ป่าละอู และป่าเด็ง
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง อยากให้ช่วยกันอนุรักษ์ ซึ่งตนได้สั่งการให้ทางกองทัพภาคที่ 1 และกองพลทหารราบที่ 9 เข้าไปติดตามและช่วยกันสืบหาติดตามหาตัวกลุ่มขบวนการล่าช้างป่ามาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ ซึ่งทราบว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสอบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี
“วันนี้ประชากรเพิ่มขึ้นทั้งช้างทั้งคน พื้นที่ทำมาหากินของชาวบ้านก็ลดลงส่วนพื้นที่ป่าก็ลดลงเช่นกัน ทำอย่างไรให้จะช้างกับคนอยู่ร่วมกันได้ ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงพลิกฟื้นคืนผืนป่ากุยบุรี”
พ.ต.อ.อัครภณ วริศเจริญ ผกก.1 บก.สอ.บช.ตชด. กล่าวว่า ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูง ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องช้างป่าที่ถูกฆ่าและเผ่านั่งยางและตัดเอางาไปนั้นได้สั่งให้เพิ่มกำลังลงไปในพื้นที่บ้านป่าละอู-บ้านป่าเด็ง เพื่อสืบสวนหาข้อมูลในทางลับ เพื่อส่งต่อให้กับทางตำรวจแก่งกระจาน และทางอุทยานฯแก่งกระจาน เพื่อที่จะร่วมกันหาตัวผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการล่าช้างและผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ชาวบ้านและคนที่ทราบข่าวต่างก็กล่าวขานถึงความโหดเหี้ยม และเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประเทศชาติ
ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.วรเดช สวนคล้าย ผกก.สภ.แก่งกระจาน พร้อมกำลังตำรวจส่วนหนึ่งเดินทางไปยังบริเวณปลายอ่างเก็บน้ำกระหร่าง 3 ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่พบช้างป่าถูกฆ่าจุดแรกประมาณ 2 กม. ซึ่งเบื้องต้นพยามค้นหาหลักฐานในจุดที่มีการเผานั่งยางช้าง ไม่พบหัวกระสุนแต่อย่างใดคงพบแต่เศษยางรถยนต์ ที่ใช้สุมเผาช้างป่าประมาณ 10 เส้นและเศษชื้นส่วนกระดูกส่วนต่างๆเท่านั้น
ส่วนการติดตามกาตัวกลุ่มที่ลงมือ ซึ่งเบื้องต้นมีเบาะแสว่ามีบุคคลในพื้นที่ป่าเด็ง-ป่าละอู หรือแม้แต่พวกอดีตทหารกระเหรี่ยงที่มีส่วนร่วมในการฆ่าช้างตัดงา ซึ่งทางตำรวจก็ต้องตรวจสอบให้แน่ชัดต่อไป อย่างไรก็ตามหากชาวบ้านมีเบาะแสกับเรื่องดังกล่าวก็อยากให้แจ้งเข้ามาได้ที่ สภ.แก่งกระจาน
นายอรรถพล แจ้งเรือง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลป่าเด็ง กล่าวด้วยว่า วันนี้ปัญหาระหว่างคนกับช้างที่เกิดขึ้นในพื้นที่หลายปีที่ผ่านมา ชาวบ้านเปลี่ยนอาชีพจากทำไร่สับปะรดไปเลี้ยงโคนม เป็นจำนวนมาก แต่ปัญหาก็ยังเหมือนเดิม ทาง อบต.ป่าเด็ง ได้จัดสรรงบประมาณปีละประมาณ 1 แสนบาทให้กับทางอุทยานฯแก่งกระจาน เพชรบุรี ติดต่อกันมา 3 ปีมาแล้วเพื่อไปดำเนินในเรื่องของแนวรั้วสัญญาณเตือนเวลาช้างเข้ามาในไร่สัญญาณจะดังขึ้น ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่อุทยานฯก็จะรู้ก็ช่วยกันไล่ช้าง
“วันนี้ผมเองอยากเห็นทุกหน่วยงานเข้ามาแก้ปัญหาระหว่างคนกับช้างอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นจังหวัด อุทยานฯ อบต.ป่าเด็ง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมานั่งคุยกันว่าจะป้องกันอย่างไรถึงจะเป็นรูปธรรม แต่ทั้งหมดก็ต้องมีงบประมาณ หากไม่มีงบประมาณเข้ามาดำเนินการนั้นเชื่อว่าจะไม่สำริดผล วันนี้ปัญหาลุกลามไปถึงฆ่าช้างตัดเอางา หรือฆ่าเผานั่งช้างผมว่าจะไปกันใหญ่มันเกิดอะไรขึ้นในพื้นที่ป่าเด็ง ใครไม่รู้จะคิดว่าคนบ้านเราโหดเหี้ยมขนาดฆ่าช้างและเผานั่งยาง ส่วนนี้ก็ต้องเป็นเรื่องของตำรวจ เอาเป็นว่าตอนนี้จะทำอย่างไรให้ทั้งคนทั้งช้างอยู่ร่วมกันให้ได้”
นายเอกธนา ลิ้มเสรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นชาวบ้านในหมู่บ้านป่าละอู และข้างเคียงทุกคนรู้สึกไม่สบายใจเพราะภายนอกอาจถูกมองว่าชาวบ้านโกรธแค้นช้างป่าที่ลงมากัดกินพืชไร่ แต่ในความเป็นจริงต้องบอกว่า ชาวบ้านป่าละอูไม่มีใครคิดทำร้ายช้างป่าถึงแม้ทุกวันนี้จะมีช้างป่าออกมาเดินตามถนนสายหนองพลับ-ป่าละอู หรือเข้าไปกัดกินพืชไร่ของชาวบ้าน ก็ได้รับความเสียหาย แต่ชาวบ้านทุกคนก็ใช้วิธีการจุดประทัดขับไล่เท่านั้น ไม่มีการไปเจ็บแค้นถึงขนาดต้องลงมือฆ่าช้าง
“แต่ตอนนี้ปัญหาใหญ่มันคือการลงมือยิงช้างตัดเอางา การเผานั่งยาง ผมเองหรือใครก็รับไม่ได้สิ่งเหล่านี้ไม่เข้าใจว่าเกิดขึ้นได้ยังไง ผมว่าถึงเวลาที่ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาใครมีเบาะแสอะไรอยากให้ช่วยภาครัฐ วันนี้ช้างป่าโขลงที่อาศัยหากินอยู่แถบนี้มีเป็นจำนวนมากรวมทั้งลูกช้างที่เกิดใหม่ ช้างงาก็มีดังนั้นคงต้องช่วยกันเฝ้าระวัง”