ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - จังหวัดฯออกประกาศให้ทุกหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ เป็นเขตควบคุมไฟป่า และแก้ไขปัญหาหมอกควันที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน และไฟป่าในปีนี้ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว จึงได้ประกาศให้ปัญหาหมอกควันเป็นวาระของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยขอความร่วมมือส่วนราชการทุกภาคส่วนและอำเภอทุกอำเภอร่วมป้องกันและควบคุมหมอกควัน ไฟป่า ตามมาตรการของจังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15, 21 และ 22 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 จึงกำหนดให้พื้นที่ทุกหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็น “เขตควบคุมไฟป่า” และกำหนดมาตรการในการป้องกัน ดังนี้
ภายในพื้นที่เขตควบคุมไฟป่า เมื่อมีความจำเป็นต้องเผาวัชพืชในที่ดินทำกิน ให้ราษฎรผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าวต้องขออนุญาตจากกำนันและผู้ใหญ่บ้านในเขตปกครองท้องที่นั้นๆ ก่อนที่จะดำเนินการทุกครั้ง พร้อมทั้งต้องจัดทำแนวกันไฟและควบคุมไฟมิให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้ โดยให้ประสานงานกับหน่วยงานควบคุมไฟป่าในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ควบคุมในการดำเนินการดังกล่าวด้วย
หากไม่มีการแจ้งขออนุญาต หรือขออนุญาตแล้วแต่ไม่จัดทำแนวกันไฟ และมิได้ควบคุมไฟให้อยู่ในพื้นที่ตนถือครอง จนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไหม้ป่า ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านแจ้งต่อนายอำเภอท้องที่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนโดยเฉียบขาดทุกราย โดยเฉพาะผู้ที่บุกรุกเข้าไปแผ้วถางป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ หรือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จังหวัดจะพิจารณาใช้นโยบายอพยพราษฎรผู้บุกรุกพื้นที่ดังกล่าวออกจากป่า ตามที่เห็นสมควรและจะดำเนินคดีตามความผิดที่เกิดขึ้น
รวมทั้งราษฎรต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการดับไฟป่าทุกกรณี ที่ทางราชการร้องขอ และหากพบเห็นไฟไหม้บริเวณป่าให้ช่วยกันดับ เพื่อไม่ให้ไฟป่าขยายลุกลามออกเป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ หากไฟป่ารุนแรงไม่สามารถดับได้ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมไฟป่าในท้องที่ที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อมอบหมายเจ้าหน้าที่เข้าระงับดับไฟป่าทันที หรือโทร.แจ้งเหตุได้ที่ สถานีควบคุมไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ โทร.0-5323-2019 ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ โทร.08-1980-6412 สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) โทร.0-5327-1610 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 โทร.0-5323-2019 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ โทร.0-5311-2725-6 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธาณภัยจังหวัดเชียงใหม่ โทร.0-5340-9345
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจุดไฟเผาป่า หรือปล่อยให้ไฟลุกลามเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 -150,000 บาท และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ แม้จะเป็นของตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท
ทั้งนี้ นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล และกรรมการหมู่บ้าน ให้ถือเป็นหน้าที่ต้องสอดส่องดูแลให้ประชาชนในท้องที่ปฏิบัติตามประกาศอย่างเข้มงวด
หม่อมหลวง ปนัดดา ดิศกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควัน และไฟป่าในปีนี้ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว จึงได้ประกาศให้ปัญหาหมอกควันเป็นวาระของจังหวัดเชียงใหม่ ที่ต้องดำเนินการแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยขอความร่วมมือส่วนราชการทุกภาคส่วนและอำเภอทุกอำเภอร่วมป้องกันและควบคุมหมอกควัน ไฟป่า ตามมาตรการของจังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15, 21 และ 22 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550 จึงกำหนดให้พื้นที่ทุกหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็น “เขตควบคุมไฟป่า” และกำหนดมาตรการในการป้องกัน ดังนี้
ภายในพื้นที่เขตควบคุมไฟป่า เมื่อมีความจำเป็นต้องเผาวัชพืชในที่ดินทำกิน ให้ราษฎรผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าวต้องขออนุญาตจากกำนันและผู้ใหญ่บ้านในเขตปกครองท้องที่นั้นๆ ก่อนที่จะดำเนินการทุกครั้ง พร้อมทั้งต้องจัดทำแนวกันไฟและควบคุมไฟมิให้ลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ ได้ โดยให้ประสานงานกับหน่วยงานควบคุมไฟป่าในท้องที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อจัดเจ้าหน้าที่ควบคุมในการดำเนินการดังกล่าวด้วย
หากไม่มีการแจ้งขออนุญาต หรือขออนุญาตแล้วแต่ไม่จัดทำแนวกันไฟ และมิได้ควบคุมไฟให้อยู่ในพื้นที่ตนถือครอง จนเป็นเหตุให้ไฟลุกลามไหม้ป่า ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านแจ้งต่อนายอำเภอท้องที่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนโดยเฉียบขาดทุกราย โดยเฉพาะผู้ที่บุกรุกเข้าไปแผ้วถางป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อุทยานแห่งชาติ หรือ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จังหวัดจะพิจารณาใช้นโยบายอพยพราษฎรผู้บุกรุกพื้นที่ดังกล่าวออกจากป่า ตามที่เห็นสมควรและจะดำเนินคดีตามความผิดที่เกิดขึ้น
รวมทั้งราษฎรต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการดับไฟป่าทุกกรณี ที่ทางราชการร้องขอ และหากพบเห็นไฟไหม้บริเวณป่าให้ช่วยกันดับ เพื่อไม่ให้ไฟป่าขยายลุกลามออกเป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ หากไฟป่ารุนแรงไม่สามารถดับได้ ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมไฟป่าในท้องที่ที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อมอบหมายเจ้าหน้าที่เข้าระงับดับไฟป่าทันที หรือโทร.แจ้งเหตุได้ที่ สถานีควบคุมไฟป่าจังหวัดเชียงใหม่ โทร.0-5323-2019 ศูนย์ส่งเสริมการควบคุมไฟป่าภาคเหนือ โทร.08-1980-6412 สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) โทร.0-5327-1610 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 โทร.0-5323-2019 สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ โทร.0-5311-2725-6 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธาณภัยจังหวัดเชียงใหม่ โทร.0-5340-9345
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจุดไฟเผาป่า หรือปล่อยให้ไฟลุกลามเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ต้องระวางโทษ จำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 -150,000 บาท และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 ผู้ใดกระทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่วัตถุใดๆ แม้จะเป็นของตนเอง จนน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 14,000 บาท
ทั้งนี้ นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล และกรรมการหมู่บ้าน ให้ถือเป็นหน้าที่ต้องสอดส่องดูแลให้ประชาชนในท้องที่ปฏิบัติตามประกาศอย่างเข้มงวด
