พระนครศรีอยุธยา - บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ทำลายรถยนต์จมน้ำ 1,055 คันต่อหน้าสื่อมวลชนกว่า 200 ชีวิต เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา คาด เบื้องต้นจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการทำลายแล้วเสร็จ ย้ำไม่ย้ายฐานการผลิตไปจากกรุงเก่า
วันนี้ (27 ธ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์ฮอนด้า ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้ทำพิธีทำลายรถยนต์ที่จมน้ำท่วม จำนวน 1,055 คัน ประกอบด้วย ฮอนด้า รุ่น บริโอ้ 217 คัน ฮอนด้า แจ๊ซ 213 คัน ฮอนด้า ซิตี้ 353 คัน ฮอนด้า ซีวิค 150 คัน ฮอนด้าแอคคอร์ท 91 คัน ฮอนด้า ซีอาร์-วี 30 คัน และ ฮอนด้าฟรีด 1 คัน เบื้องต้นผู้บริหารฮอนด้าคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการทำลาย
พิธีทำรถยนต์ที่จมน้ำในครั้งนี้ นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำส่วนราชการ ประกอบด้วย ตัวแทน สคบ., บยสท., อุตสาหกรรมจังหวัด นายอำเภออุทัย กรมสรรพสามิต กรมสรรพากร สถาบันยานยนต์ และตัวแทนบีโอไอ ร่วมสังเกตการณ์การทำลายรถยนต์ในครั้งนี้ด้วย
นายพิทักษ์ เปิดเผยว่า ฮอนด้าได้พยายามอย่างเต็มที่ในการป้องกันพื้นที่โรงงาน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานกระแสน้ำเชี่ยวและมวลน้ำมหาศาลได้ ทำให้น้ำเข้าท่วมโรงงานตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา สำหรับในส่วนรถยนต์ใหม่ที่พร้อมส่งมอบ บริษัทฯได้มีการเคลื่อนย้ายรถส่วนใหญ่ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แต่ยังมีจำนวน 1,055 คัน ที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายทันจึงได้รับความเสียหาย
นอกจากนี้ ฮอนด้ามีนโยบายชัดเจนด้านการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์สูงสุด ทั้งยังมีขั้นตอนที่เข้มงวดในการทำลายชิ้นส่วน อะไหล่ และรถยนต์ที่เสียหายทั้งหมด โดยจะไม่มีการนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจและคลายกังวลว่าจะไม่มีชิ้นส่วนใดๆ ออกไปจากโรงงาน หรือถูกนำไปใช้ใหม่ เราจึงดำเนินการทุกขั้นตอนภายในโรงงานเท่านั้น และจะไม่ย้ายฐานการผลิตไปที่อื่นอย่างแน่นอน
สำหรับกระบวนการทำลายรถยนต์ฮอนด้าที่เสียหายจากน้ำท่วม มี 6 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1: ถอดชิ้นส่วนด้านบนห้องเครื่อง จุดนี้จะมีการถอดฝากระโปรงหน้า แว็กซ์น้ำยาแอร์ ถอดกรองอากาศ ดูดน้ำมันเกียร์ ดูดน้ำมันเพาเวอร์ ดูดน้ำมันเบรก ถอดแบตเตอรี่ ชิ้นส่วนพลาสติกภายนอก (กันชน) และกระจกมองข้าง โดยแยกไว้เพื่อนำมาบริหารจัดการอย่างถูกวิธีต่อไป
ขั้นตอนที่ 2: ถ่ายสารเหลว ถอดชิ้นส่วนด้านล่าง ถอดเครื่องยนต์ จุดนี้จะมีการถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ น้ำมันเพาเวอร์ น้ำมันเบรก ถอดล้อหน้า-หลัง ถอดท่อไอเสีย ถอดถังน้ำมันเชื้อเพลิง ถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง และยกเครื่องยนต์ออกจากตัวถัง โดยสารเหลวจะนำมากำจัดตามกระบวนการ
ขั้นตอนที่ 3: ถอดชิ้นส่วนพลาสติกภายใน ถอดโช้คอัพ จุดนี้จะมีการถอดชิ้นส่วนพลาสติกภายในรถ โช้คอัพ หม้อน้ำ แผงทำความเย็น สายไฟ และล้ออะไหล่
ขั้นตอนที่ 4: แยกชิ้นส่วนเครื่องยนต์และเกียร์
ขั้นตอนที่ 5: ทำลายชิ้นส่วน และบีบอัดตัวถัง จุดนี้จะตัดทำลายชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ตัดทำลายส่วนประกอบเครื่องยนต์ ตัดชิ้นส่วนช่วงล่าง เจาะทำลายยาง ตัดล้ออัลลอย ย่อยพลาสติก ตัดหมายเลขตัวถังรถยนต์ ตัดส่วนหน้าของตัวถัง และอัดตัวถังด้วยเครื่องบีบอัด เมื่อบีบอัดเสร็จแล้ว จากนั้นทำการบันทึกหมายเลขรถไว้เป็นหลักฐาน
ขั้นตอนที่ 6: การจัดเก็บแยกประเภทเพื่อส่งเข้ากระบวนการรีไซเคิล ชิ้นส่วนที่ถูกทำลายทั้งหมดจะนำไปสู่กระบวนการแยกและรีไซเคิล โดยชิ้นส่วนที่ถูกทำลายแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ ก้อนอัด จะถูกนำไปแยกโดยใช้รถ Backhoe เพื่อคลายก้อนอัด ก่อนส่งเข้าเครื่อง Shredder ซึ่งจะแยกออกมาได้ 3 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นเหล็ก สามารถนำไปหลอมใหม่ได้ ส่วนที่เป็นวัตถุที่ไม่ใช่เหล็ก สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ โดยแยกเป็นอะลูมิเนียม ทองแดง โฟม พลาสติก และยาง
และส่วนที่เป็นฝุ่นและเศษกากต่างๆ จะส่งบริษัทที่ได้รับอนุญาตนำไปฝังกลบ ชิ้นส่วนรีไซเคิล เป็นชิ้นส่วนรถยนต์ที่ถูกทำลายจนเสียรูปแล้ว แต่ยังสามารถนำไปรีไซเคิลได้ เช่น ล้ออลูมิเนียม ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนที่เป็นอะลูมิเนียม พลาสติก และยาง วัตถุอันตราย ได้แก่ แบตเตอรี่ และของเหลว จะส่งไปยังโรงงานที่ได้รับอนุญาตเพื่อนำไปบำบัดและรีไซเคิลต่อไป เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าเพิ่มมากขึ้นอีกทางหนึ่ง บริษัทยังมีการบันทึกหมายเลขตัวถังและหมายเลขเครื่องยนต์ที่ถูกทำลายทุกคัน โดยการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ www.honda.co.th ให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้
นายพิทักษ์ ระบุว่า ฮอนด้าจะทุ่มเทความพยายามในการบริหารจัดการอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อให้โรงงานกลับมาดำเนินการผลิตรถยนต์ได้โดยเร็วที่สุด ตลอดจนเราจะเดินหน้าดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ฮอนด้ายังคงเป็นบริษัทที่สังคมต้องการให้ดำรงอยู่ และก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับสังคมไทย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งในช่วงอุทกภัย ฮอนด้าตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้ดำเนินมาตรการเร่งด่วนหลายประการ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพนักงาน ความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการแบ่งปันความช่วยเหลือให้กับผู้ประสบอุทกภัย
อาทิ การจ่ายค่าแรงพนักงานตามปกติแม้ว่าโรงงานจะหยุดการผลิต การให้เงินกู้ฉุกเฉินวงเงินสูงสุด 100,000 บาทสำหรับพนักงานที่ประสบอุทกภัย การกำจัดคราบน้ำมันก่อนน้ำลดเพื่อให้มั่นใจว่าน้ำที่สูบออกจากโรงงานไม่เป็นอันตรายต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ฮอนด้ายังได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทูลเกล้าฯ ถวายเงิน 100 ล้านบาท เพื่อไปในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยผ่านสภากาชาดไทย การมอบเครื่องมืออุปกรณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยผ่านหน่วยงานต่างๆ รวมกว่า 7 ล้านบาท การลงพื้นที่ตรวจสอบเครื่องยนต์และให้คำแนะนำแก่เจ้าของรถยนต์ฮอนด้าที่ถูกน้ำท่วม รวมไปถึงบริการ Honda Help Line เพื่อให้ข้อมูลเชิงเทคนิคกับลูกค้า การจัดพนักงานจิตอาสาไปช่วยทำความสะอาดชุมชนและพื้นที่สาธารณะต่างๆ
สำหรับ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 49 หมู่ที่ 9 ต.ธนู อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยาซึ่งอยู่ในบริเวณสวนอุตสาหกรรมโรจนะ มีพนักงานรวมทั้งสิ้น 7,074 คน มีกำลังผลิตสูงสุด 240,000 คันต่อปี และเป็นฐานการผลิตหลักของฮอนด้าในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย โดยผลิตรถยนต์ฮอนด้าทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่ บริโอ้, แจ๊ซ, ซิตี้, ซีวิค, แอคคอร์ด และ ซีอาร์-วี สำหรับจำหน่ายในประเทศไทยและส่งออกไปยังประเทศต่างๆกว่า 30 ประเทศทั่วโลก