ศูนย์ข่าวศรีราชา - จ่าลูกประดู่ ขี่รถ จยย.เฉี่ยวรถเก๋งพ่อค้ากาแฟโบราณ ก่อนถูกเจ้าของรถเก๋งขับรถไล่ชนอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่เจ้าตัวขับรถหนีจนถูกฝ่ายรถเก๋งขับพุ่งชนจนได้รับบาดเจ็บ 3 รายคาต้นประดู่ เผยฝ่ายคนขับรถเก่งเมา
วันนี้ (26 ธ.ค.) ร.ต.ท.นเรศ บุญที พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากพลทหาร ดะนัย ฤทธิ์จรูญ อายุ 22 ปี ยามรักษาการณ์ ประตูทางเข้ากองเรือยุทธการ ว่า เกิดเหตุรถยนต์เก๋งไล่พุ่งชนรถจักรยานยนต์ก่อนเกิดอุบัติเหตุพุ่งชนกันบนถนนสุขุมวิท กม.177 เส้นทางระยอง-สัตหีบ บริเวณฝั่งตรงข้ามโรงเรียนบำรุงศิษย์ศึกษา ม.2 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบและชาวบ้านกำลังช่วยกันยกรถยนต์เก๋ง ฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์ ทะเบียน กข 8635 เพชรบุรี ที่ชนอัดติดคาอยู่กับต้นประดู่สภาพหน้ารถพังยับเยินเพื่อช่วยเหลือนำตัว จ่าเอก ศุภกิจ โลหิตอุ่น อายุ 32 ปี สังกัด หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งออกมาจากใต้ท้องรถในสภาพอาการสาหัส หลังขี่รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ 125 สีน้ำเงิน-ดำทะเบียน คทข 660 ชลบุรี และถูกรถคันดังกล่าวไล่ชน
นอกจากนี้ หน่วยกู้ภัยยังได้ช่วยกันงัดร่าง นายชิตพงษ์ สิงหรัตนสุวรรณ อายุ 30 ปี พ่อค้าขายกาแฟโบราณคนขับรถยนต์เก๋งที่อยู่ในอาการมึนเมาและ พลทหาร ชัยชนะ ณ กลองดี อายุ 24 ปี สังกัด กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ที่นั่งมากับรถ ซึ่งถูกคอนโซนหน้ารถบีบอัดติดคาอยู่กับซากรถจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
เบื้องต้นหน่วยกู้ภัยได้ช่วยเหลือนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่งรักษายังห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ
จากการสอบปากคำ จ่าเอก ศุภกิจ เจ้าทุกข์ ให้การว่าขณะที่ขี่จักรยานยนต์ออกมาจากบ้านพักในหมู่บ้านพบโชค เมื่อมาถึงบริเวณริมถนนสุขุมวิท ได้เกิดเฉี่ยวชนกับรถยนต์เก๋งของนายชิตพงษ์ จึงได้ขอโทษ แต่ถูกตอบกลับด้วยการให้ของลับและชวนหาเรื่อง เมื่อเห็นว่า ทั้งคู่อยู่ในอาการมึนเมาและพยายามจะลงจากรถมาทำร้าย
จึงได้ตัดสินใจขับรถหนีไปขอความช่วยเหลือจากทหารยามที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ แต่ถูกขับไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งหมายเอาชีวิต ทหารยามที่เห็นเหตุการณ์ไม่สามารถช่วยได้ทัน จึงได้ขี่หนีกลับออกมาบนถนนสุขุมวิท เมื่อถึงที่เกิดเหตุ นายชิตพงษ์ ได้พุ่งชนอย่างจัง ก่อนรถจะเสียหลักพุ่งชนอัดติดกับต้นประดู่ จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ด้าน พลทหาร ดะนัย ฤทธิ์จรูญ ทหารยามที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุได้เห็น จ่าเอกศุภกิจ ขี่จักรยานยนต์มาด้วยความเร็วฝ่าด่านประตูฝั่งขาออกเข้ามาในค่ายโดยมีรถยนต์เก๋งของนายชิตพงษ์ ขับไล่ชนมาอย่างกระชั้นชิด ก่อนทั้งคู่จะวงกลับออกไปนอกค่าย โดยรถยนต์เก๋งได้ไล่ติดตามไปอย่างบ้าคลั่ง ก่อนทั้งคู่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้น ห่างจากประตูรักษาการณ์ไปเพียงไม่ถึง 500 เมตร
ร.ต.ท.นเรศ บุญที เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำ จ่าเอก ศุภกิจ เจ้าทุกข์และถ่ายที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน พร้อมเชิญตัวพยานผู้เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำเพิ่มเติม นอกจากนี้ได้ติดต่อขอภาพวงจรปิด บริเวณประตูทางเข้ากองเรือยุทธการ เพื่อเป็นหลักฐานยื่นเอาผิดกับ นายชิตพงษ์ พ่อค้ากาแฟโบราณ ที่ขับรถไล่ชนหมายเอาชีวิตผู้อื่น