ศูนย์ข่าวศรีราชา - ลูคัส เอเชนีเก้ ผู้รักษาประตูศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี เป็นฮีโร่ของทีมหลังขึ้นมาโหม่งประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาเจ็บนาทีสุดท้าย ให้ศรีราชาฯ เก็บ 1 แต้มสำคัญ ในการพบกับบางกอกกล๊าสเอฟซี
เมื่อค่ำวานนี้ (17 ธ.ค.) ที่สนามซูซูกิ สเตเดี้ยม “เดอะบลูมาลิน” ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี ทีมอันดับที่ 17 ต้อนรับการมาเยือนของทีม “กระต่ายแก้ว” บางกอกกล๊าส เอฟซี ทีมอันดับที่ 4 ของตารางไทยพรีเมียร์ลีก ในเกมนี้ทั้งสองทีมไม่มีผู้เล่นที่ติดโทษแบนเลย จึงสามารถส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามได้แบบเต็มพิกัด โดย “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ให้ คริสเตียโน่ โลเปซ ยืนหน้าคู่กับ อารอน ดา ซิลวา ส่วนทีมเยือน ได้ ซามูแอล อาจายี คืนสนามหลังจากได้รับบาดเจ็บไปนาน
เริ่มเกมศรีราชาฯเปิดเกมบุก และเกือบได้ประตูขึ้นนำไปก่อนจาก พรศักดิ์ ป้องทอง ที่ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายแล้ว แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้าเสียก่อน เจ้าบ้านจึงอดได้ประตูขึ้นนำไปอย่างน่าเสียดาย จนในนาทีที่ 27 กองเชียร์ทีมเยือนก็ได้เฮกันลั่น เมื่อ ศุภชัย คมศิลป์ เปิดฟรีคิกไปหน้าประตูให้ ชาตรี ฉิมทะเล โหม่งเต็มหัวบอลเข้าไปตุงตาข่าย ให้บางกอกกล๊าสขึ้นนำ 1 ประตูต่อ 0
ในครึ่งเวลาหลัง นาทีที่ 60 ศรีราชาฯก็มาเสียประตูที่สอง หลังจาก จัสติน มูส ไปเสียบสกัด ฟาเวี่ยน มิชีลินี ล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสิน ทวีป อินทร์แก้ว ไม่รีรอชี้เป็นลูกที่จุดโทษทันที และเป็น ฟาเวี่ยน มิชีลินี่ ที่ลุกขึ้นมาสังหารเอง ไม่พลาด บางกอกกล๊าส ขึ้นนำ 2 ประตูต่อ 0
ต่อมานาทีที่ 84 กองเชียร์เจ้าถิ่นได้เฮกันบ้าง เมื่อ อำนาจ แก้วเขียว ไปทำฟาวล์ คริสเตียโน โลเปซ ในกรอบเขตโทษ ผู้ตัดสินชี้ให้เป็นลูกที่จุดโทษเช่นกัน และเป็น คริสเตียโน โลเปซ ที่รับหน้าที่สังหาร ไม่พลาดเช่นกัน เจ้าถิ่นไล่ตามมาเป็น 1 ประตูต่อ 2
เกมทำท่าว่าจะจบลงที่ชัยชนะของบางกอกกล๊าสอยู่แล้ว แต่จังหวะก่อนหมดเวลาการแข่งขัน ศรีราชาฯได้ลูกเตะมุม นักเตะทุกคนของศรีราชาฯ เติมขึ้นมาหมด รวมทั้ง ลูคัส เอเชนีเก้ ผู้รักษาประตูของศรีราชาฯ ด้วย และเป็น ยอดรัก นาเมืองรักษ์ ที่เปิดมุมโด่งมาที่เสาสอง มาเข้าหัว ลูคัส เอเชนีเก้ พอดี โหม่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย ให้ ศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี ไล่ตีเสมอ บางกอกกล๊าส เอฟซี เป็น 2 ประตูต่อ 2 ได้สำเร็จ ก่อนที่ผู้ตัดสินจะเป่าหมดเวลาการแข่งขัน จึงทำให้ทั้งสองทีมเสมอกัน แบ่งกันไปทีมละ 1 คะแนน
