อุบลราชธานี - สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์พื้นที่ 9 อุบลฯ ย้ำ! ปัญหาการลักลอบตัดไม้โดยคนไทยยุติแล้ว มีเพียงกลุ่มตัดไม้จากนอกประเทศ พร้อมโชว์ผลงานรอบ 3 เดือน จับผู้ต้องหาคดีไม้พะยูงได้กว่า 150 ราย ยึดของกลางเป็นไม้ท่อน ไม้เหลี่ยม รวมทั้งอุปกรณ์ใช้ทำไม้ได้จำนวนมาก โดยตลอดการปฏิบัติงานปะทะกับกลุ่มลักลอบตัดไม้ ทำให้นักค้าไม้ชาวกัมพูชาเสียชีวิตไป 7 คน เจ้าหน้าที่ไทยเจ็บ 3 สูญหาย 1 คน ด้านรองอธิบดีระบุ วันจันทร์ที่ 19 ธ.ค.ดีเดย์รื้อถอนรีสอร์ทบ้านตากอากาศหรูในเขตป่าวังน้ำเขียวและทับลานแน่นอน
ที่สวนรุกขชาติอุบลวนารมย์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมกับภาคประชาสังคมแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงในเขตป่าสงวนและป่าอุทยาน โดยที่ผ่านมาตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2554 สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์พื้นที่ 9 อุบลราชธานี ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม 6 จังหวัดอีสานตอนล่าง
สามารถจับกุมกลุ่มลักลอบตัดไม้พะยูงในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวนแห่งชาติได้รวม 151 คดี ผู้ต้องหา 99 คน เป็นคนไทย 63 คน กัมพูชา 36 คน ยึดไม้พะยูงทั้งแบบท่อนเหลี่ยและแผ่นจำนวน 1,269 ท่อน คิดเป็นปริมาตรไม้ 75.67 ลูกบาศก์เมตร รถเข็นใช้ชักลากไม้ 44 คัน อาวุธปืนสั้นและปืนสงครามรวม 36 กระบอก เลื่อนยนต์ 32 เครื่อง รถจักรยานยนต์ใช้พ่วง 13 คัน รถยนต์และสิ่งของอื่นๆอีกกว่า 100 รายการ
และขณะปฏิบัติการปราบปรามโดยชุดแรมโบ้ ซึ่งเป็นการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ มีการปะทะกับกลุ่มผู้ลักลอบตัดไม้ทั้งชาวไทยและกัมพูชาหลายครั้ง ทำให้ผู้ต้องหาชาวกัมพูชาเสียชีวิต 7 คน เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้รับบาดเจ็บ 3 นาย นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติงาน
โดยป่วยเป็นไข้มาลาเรีย 1 นาย และสูญหายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ตามรอยต่อชายแดนไทย-กัมพูชา บนเทือกเขาพนมดงรักเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 1 นาย คือ นายวิทย์ ธูปหอมละออ ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ยังพยายามติดตามหาตัวจนถึงวันนี้
นายไพบูลย์ รัตนะเจริญธรรม ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์พื้นที่ 9 อุบลราชธานี กล่าวว่า การปราบปรามกลุ่มลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและเขตอุรักษ์ขณะนี้ สามารถจำกัดวงกลุ่มตัดไม้ในประเทศไม่ให้มีการตัดไม้ใหม่เพิ่มเติม ส่วนที่ยังหลงเหลืออยู่ขณะนี้ เป็นไม้เก่าที่ตกค้าง
ซึ่งขบวนการลักลอบตัดไม้นำไปซุกซ่อนไว้ตามที่ต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้พยายามติดตามตรวจยึดมาเป็นของกลางให้มากที่สุด เพื่อตัดวงจรการค้าไม้ชนิดนี้ลงให้ได้
ส่วนการติดตามช่วยเหลือ นายวิทย์ ธูปหอมละออ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่สูญหายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ได้ส่งชุดลาดตระเวนหาข่าวจากชาวบ้านทั้งในฝั่งประเทศกัมพูชาและคนไทยที่อยู่ตามแนวชายแดน แต่ยังไม่พบเหตุบ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่รายนี้ เสียชีวิต หรือยังมีชีวิตอยู่ จึงได้พยายามติดตามค้นหาช่วยเหลืออยู่ต่อไป
ส่วนการสอบสวนเอาผิดทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในอุทยานแห่งชาติภูจองนายอย ที่ปรากฏหลักฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนตัดไม้จำนวน 5 คน จะสรุปผลได้อย่างช้าภายในต้นเดือนมกราคม 2555 รวมทั้งตั้งแต่เปิดยุทธการกวาดล้างกลุ่มลักลอบตัดไม้พะยูง มีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งมีพฤติกรรมน่าสงสัยเกี่ยวพันกับขบวนการลักลอบตัดไม้ออกจากพื้นที่ไปแล้วกว่า 30 คน
“ขณะนี้ปัญหาการลักลอบตัดไม้ในประเทศสามารถจัดการได้อย่างเด็ดขาด จะมีอยู่บ้างก็ตามแนวชายแดนที่ติดต่อกับประเทศกัมพูชา ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังต้องใช้กำลังเข้าปราบปรามควบคุมไม่ให้ขบวนการตัดไม้พะยูงเหล่านี้ กระทำได้โดยสะดวกเหมือนในอดีตที่ผ่านมา และได้มีการส่งข้อมูลให้อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำเสนอรัฐบาล เพื่อหารือร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกันแล้ว”
ด้าน นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งมาร่วมกับภาคประชาสังคมแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูงในเขตป่าสงวนและป่าอุทยานแห่งชาติในพื้นที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์พื้นที่ 9 อุบลราชธานี กล่าวถึงการระดมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการกับผู้บุกรุกสร้างรีสอร์ทและบ้านพักตากอากาศหรูในเขตป่าวังน้ำเขียวและป่าทับลาน
วันจันทร์ที่ 19 ธ.ค.นี้ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งสนธิกำลังกับหลายหน่วยงานจะเข้าไปทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกทั้งหมด และจะทำให้เสร็จภายในเวลา 2-3 วัน พร้อมเตือนการก่อม็อบต่อต้านการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เป็นเรื่องไม่ถูกต้องตามกฏหมาย เพราะศาลมีคำพิพากษาแล้ว และจะไม่มีการผ่อนปรนให้อีก เพราะถ้ายอมให้มีการทำผิดกฏหมายเกิดขึ้น จะเป็นตัวอย่างให้หลายพื้นที่ทำตาม
“เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องใช้ความเด็ดขาดเข้าจัดการกับปัญหาบุกรุกที่เกิดขึ้น จึงขอเตือนถึงผู้พยายามก่อม็อบและเข้าขัดขวาง จะเป็นการทำผิดกฏหมายอาญาฐานขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด้วย”